คดีนี้สืบเนื่องมาจากจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาที่ได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้บังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาด ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งยื่นคำร้องขอเฉลี่ยศาลอนุญาต ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องว่าโจทก์ไม่ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำทรัพย์ที่ยึดออกขายทอดตลาด ผู้ร้องขอนำทรัพย์ออกขายทอดตลาดแทน เอาเงินเฉลี่ยให้แก่ผู้ร้อง ศาลอนุญาตและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์จำเลยในวันที่ 28 กันยายน 2521

ก่อนถึงกำหนดโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งงดการขายทอดตลาด เมื่อศาลสอบผู้ร้อง ผู้ร้องแถลงว่าจำเลยเสนอจะชำระหนี้ให้บางส่วนทันที นอกนั้นขอผ่อนชำระเป็นรายเดือนเช่นเดียวกันไม่ค้านศาลจึงสั่งงดการขายทอดตลาดในวันที่ 28 กันยายน 2521 ไว้ก่อน

ต่อมาวันที่ 22 ธันวาคม 2521 ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่ชำระเงินตามที่ผู้ร้องตั้งเงื่อนไขไว้ทำให้ผู้ร้องเสียหาย ขอให้ศาลสั่งขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยต่อไป ศาลสั่งประกาศขายในวันที่ 30 มกราคม 2522

ในวันขายโจทก์ยื่นคำร้องว่า นางเฮี๊ยะภรรยาจำเลยและผู้ร้องจะทำการฉ้อฉลโจทก์เพื่อให้มีการขายทอดตลาดทรัพย์คดีนี้ เพื่อให้โจทก์ขาดหลักประกันที่จะได้รับชำระหนี้ที่ค้างอยู่ ขอให้ศาลงดขายทอดตลาดและไต่สวนคำร้องของโจทก์ ห้ามผู้ร้องเข้ามายุ่งเกี่ยวในทรัพย์สินของจำเลยที่โจทก์ยึด

ศาลสอบถามโจทก์จำเลยและผู้ร้องในวันนั้น โจทก์ยืนยันว่าจำเลยและผู้ร้องรวมกันฉ้อฉลโจทก์ จำเลยแถลงว่าไม่สามารถชำระหนี้ให้ผู้ร้องตามจำนวนที่ตกลงได้ เพราะกิจการของจำเลยระยะนี้ยังมีรายได้เท่านี้ ส่วนผู้ร้องแถลงว่าจำเลยชำระหนี้ให้น้อย ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ขอให้ขายทอดตลาด ศาลเห็นว่าคำร้องของโจทก์ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ให้งดขายทอดตลาดจึงสั่งขายต่อไป

โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ผู้ร้องและนางเฮี๊ยะซึ่งเป็นภรรยาจำเลยร่วมกันฉ้อฉลโจทก์เพื่อให้มีการขายทอดตลาด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ไต่สวนคำร้องของโจทก์ก่อน

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน ศาลสอบถามโจทก์จำเลยและผู้ร้องตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 30 มกราคม 2522 แล้วสั่งว่าเหตุผลของโจทก์ยังไม่พอฟังที่จะให้งดการขายทอดตลาดได้เช่นนี้แสดงว่าได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้ว

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา