ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33,80, 91, 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7,8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 ริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 กระทงหนึ่ง จำคุก 2 ปีมาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ กระทงหนึ่ง จำคุก 1 ปี และตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ต่อผู้เสียหายที่ 1 กระทงหนึ่ง และต่อผู้เสียหายที่ 2อีกกระทงหนึ่ง จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 4 กระทง จำคุก 3 ปี12 เดือน จำเลยนำสืบรับในข้อหามีและพาอาวุธปืนและข้อเท็จจริงในพฤติการณ์เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 4คงจำคุก 2 ปี 12 เดือน ริบอาวุธปืนและปลอกกระสุนปืนของกลาง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 91, 33 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 เรียงกระทงลงโทษฐานพยายามฆ่าจำคุกกระทงละ 10 ปี 2 กระทง รวม 20 ปี จำเลยนำสืบรับเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุกจำเลยในข้อหานี้ไว้ 13 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แล้วจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 15 ปี 7 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "…ปัญหาสุดท้ายมีว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน จากพยานโจทก์จำเลยดังวินิจฉัยมาข้างต้นเห็นว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสอง2 ชุด ชุดแรกยิง 3 นัดติด ๆ กัน กระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ 1 จำนวน1 นัด ผู้เสียหายที่ 1 ล้มลง ผู้เสียหายที่ 2 เข้าไปประคองผู้เสียหายที่ 1 จำเลยจึงยิงผู้เสียหายที่ 2 ในชุดหลังอีก 3 นัดกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ 2 เพียง 1 นัด แสดงว่าการยิงปืนแต่ละชุดความประสงค์และจุดมุ่งหมายของจำเลยได้แยกออกจากกันว่าการยิงชุดใดจำเลยยิงผู้เสียหายคนใด เจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองในขณะลงมือกระทำความผิดจึงแยกออกจากกันได้การกระทำของจำเลยจึงมิใช่กรรมเดียวแต่เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th