สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2539

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55 พระราชบัญญัติการเนรเทศ พ.ศ.2499 ม. 5, 6

จำเลยทำสัญญากับโจทก์เพื่อประกันผู้ถูกสั่งเนรเทศที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกคำสั่งให้เนรเทศตามพระราชบัญญัติการเนรเทศพ.ศ.2499มาตรา6วรรคหนึ่งซึ่งอยู่ในความควบคุมของโจทก์จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้เนรเทศเมื่อจำเลยทำสัญญาประกันไว้ต่อโจทก์ผู้มีอำนาจควบคุมผู้ถูกเนรเทศสัญญาประกันจึงใช้บังคับได้การที่จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งตัวผู้เนรเทศให้แก่โจทก์ตามนัดโจทก์จึงฟ้องบังคับจำเลยตามสัญญาประกันได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2507ถึงวันที่ 5 มีนาคม 2508 จำเลยทำสัญญาประกันตัวนายยู่ฉ่อยหรือฮวงบุ้นหรือชานวุ่น แซ่โก นายช้อยไฮ้หรือโซยไฮ้นายฉีลัก แซ่ลิ้ม และนายสู้เม้ง แซ่ลี้ ซึ่งต้องหาว่าเป็นผู้ต้องเนรเทศ หลังจากนั้นจำเลยผิดสัญญาไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องเนรเทศทั้ง 4 คน ให้แก่โจทก์ได้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากไม่เคยได้รับมอบอำนาจจากกรมตำรวจ โจทก์ไม่มีอำนาจให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 400,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลย อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์

โจทก์ ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติการเนรเทศ พ.ศ. 2499มาตรา 6 วรรคหนึ่ง ระบุว่า เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกคำสั่งให้เนรเทศผู้ใดแล้ว รัฐมนตรีหรือเจ้าพนักงานซึ่งรัฐมนตรีมอบหมายมีอำนาจที่จะจับกุมและควบคุมบุคคลผู้นั้นไว้จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้เนรเทศ ผู้ถูกเนรเทศทั้งสี่ในคดีนี้เป็นผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกคำสั่งให้เนรเทศตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว และอยู่ในความควบคุมของโจทก์ตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง และตามข้อบังคับที่ 5/2501เรื่อง ระเบียบการเนรเทศตามพระราชบัญญัติการเนรเทศ พ.ศ. 2499ข้อ 619 จำเลยได้มาตกลงทำสัญญาประกันผู้ถูกเนรเทศทั้งสี่ไว้ต่อโจทก์ โดยกำหนดความรับผิดของจำเลยไว้ว่าหากจำเลยไม่สามารถส่งตัวผู้ถูกเนรเทศทั้งสี่ให้แก่โจทก์ตามกำหนดนัดได้จำเลยยอมให้โจทก์ปรับจำเลยตามสัญญาประกัน เป็นการกำหนดความรับผิดกันไว้ตามข้อสัญญาทางแพ่ง สัญญาประกันดังกล่าวไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เมื่อจำเลยทำสัญญาประกันไว้ต่อโจทก์ผู้มีอำนาจควบคุมผู้ถูกเนรเทศไว้เช่นนี้ สัญญาประกันจึงใช้บังคับได้ และมีผลผูกพันจำเลยให้ต้องปฏิบัติตามสัญญาประกัน เมื่อจำเลยผิดสัญญาประกันจำเลยจะมาอ้างว่าสัญญาประกันไม่มีมีผลบังคับหาได้ไม่โจทก์มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยชดใช้เงินตามสัญญาประกันได้ สำหรับบทบัญญัติในมาตรา 6 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการเนรเทศ พ.ศ. 2499 เป็นกรณีที่กฎหมายให้อำนาจรัฐมนตรีที่จะสั่งผ่อนผันให้ส่งตัวผู้ถูกเนรเทศผู้หนึ่งผู้ใดไปประกอบอาชีพ ณ ที่ใด ๆ ตามคำร้องขอของผู้นั้นเท่านั้นซึ่งหากรัฐมนตรีมีคำสั่งดังกล่าวแล้วรัฐมนตรีจะต้องให้ผู้ถูกเนรเทศมีประกัน หรือมีทั้งประกันและหลักประกัน หรือทำทัณฑ์บนไว้และจะต้องให้ผู้ถูกเนรเทศมารายงานตนตามระยะเวลาและสถานที่ที่รัฐมนตรีกำหนด ในคดีนี้ผู้ถูกเนรเทศทั้งสี่มิได้ร้องขอผ่อนผันต่อรัฐมนตรีเพื่อออกไปประกอบอาชีพดังที่กฎหมายบัญญัติไว้แต่ยังคงถูกควบคุมโดยโจทก์ เมื่อจำเลยทำสัญญาประกันผู้ถูกเนรเทศทั้งสี่ต่อโจทก์ จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามสัญญา

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองตำรวจสันติบาล จำเลย - นาย อดุลย์ ภมรานนท์

ชื่อองค์คณะ พิมล สมานิตย์ สมชัย สายเชื้อ กนก พรรณรักษา

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th