ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 740,950 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 6 ต่อปี ของต้นเงิน 730,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ

วันนัดชี้สองสถาน ทนายโจทก์ปรากฏตัวผ่านระบบประชุมทางจอภาพ ส่วนจำเลยมาศาล จำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยประสงค์จะเจรจาชำระหนี้แก่โจทก์ หากตกลงกันได้จะทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อไป ขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดทำยอมหรือสืบพยานโจทก์ ครั้นถึงวันนัดดังกล่าว จำเลยแถลงไม่ขอต่อสู้คดี ศาลชั้นต้นจึงสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว โจทก์นำสืบด้วยการอ้างส่งหนังสือสัญญากู้เงินซึ่งไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ เป็นพยานหลักฐาน

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ได้หรือไม่ เห็นว่า แม้หนังสือสัญญากู้เงินซึ่งไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ จะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยก็ตาม แต่เอกสารหมาย จ.2 แผ่นที่ 2 ซึ่งเป็นตารางจ่ายเงินกู้ ระบุยอดเงินกู้ 730,000 บาท และงวดชำระเงินต้นงวดละ 29,200 บาท พร้อมดอกเบี้ย รวม 25 งวด โดยระบุยอดรวมเงินต้นทั้ง 25 งวด เป็นยอดรวม 730,000 บาท พร้อมยอดรวมดอกเบี้ย ซึ่งแต่ละงวดระบุวันเดือนปีไว้ และด้านล่างของเอกสารระบุว่า ข้าพเจ้านายเกื้อกูล ยินดีจ่ายเงิน 29,200 บาท ตามข้อตกลงทุกประการ บรรทัดสุดท้ายระบุว่า ลงชื่อผู้กู้ (นายเกื้อกูล) และมีลายมือชื่อ อันเป็นเอกสารที่มีข้อความแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีหนี้สินเงินกู้ที่พึงต้องชำระ ถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมแล้ว เมื่อเอกสารดังกล่าวไม่มีลายมือชื่อของโจทก์ จึงไม่ใช่ตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์ ศาลย่อมรับฟังเอกสารหมาย จ.2 แผ่นที่ 2 ได้ ประกอบกับ คดีนี้วันนัดแรกจำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยประสงค์จะเจรจาชำระหนี้แก่โจทก์ หากตกลงกันได้จะทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อไป และวันนัดต่อมาจำเลยแถลงว่าไม่ขอต่อสู้คดี ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้แล้วว่า จำเลยกู้ยืมเงินและค้างชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ ดังนั้น ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษากลับว่า ให้จำเลยชำระเงิน 730,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 6 ต่อปี นับแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2564 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้อง (วันที่ 31 มีนาคม 2565) ต้องไม่เกิน 10,950 บาท ตามที่โจทก์ขอ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ โดยกำหนด ค่าทนายความ 7,000 บาท ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา พ.491/2567

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th