ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


คดีสืบเนื่องมาจากศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่ ตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 5 (2), 7 วรรคแรก, 20 วรรคแรก พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และริบเรือยนต์ 1 ลำ พร้อมอุปกรณ์เครื่องยนต์และทรัพย์สินอื่น ๆ ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้คืนเรือบรรทุกสินค้าชื่อนิสสัน มารู ระวาง 476 ตัน พร้อมอุปกรณ์เครื่องยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิได้เป็นเจ้าของของกลางที่แท้จริง ถึงแม้ฟังว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของของกลาง ผู้ร้องก็มีส่วนรู้เห็นในการที่จำเลยทั้งสี่นำของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้คืนเรือยนต์และอุปกรณ์เครื่องยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า?พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของเรือนิสสัน มารู ของกลางซึ่งมีระวางบรรทุกสูงสุด 476 ตัน ระวางบรรทุกสุทธิ 170 ตัน ผู้ร้องให้บริษัทเปโตรแทงค์อินเตอร์เนชั่นแนล เอส. เอ. เช่าเรือลำนี้มีระยะเวลาการเช่าตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2540 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2541 ต่อมาวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2541 จำเลยทั้งสี่ร่วมกันกระทำความผิดโดยใช้เรือของกลางลักลอบขนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยฝ่าฝืนกฎหมาย ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่และริบเรือของกลาง? ที่ผู้ร้องฎีกาว่าเรือของกลางมีระวางบรรทุก 476 ตัน สัญชาติสาธารณรัฐปานามาจึงริบไม่ได้ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 32 นั้น เห็นว่า คดีนี้เป็นสาขาคดีที่เจ้าของทรัพย์ร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบในคดีหลัก ประเด็นในคดีนี้จึงมีเพียงว่าศาลจะสั่งคืนของกลางให้แก่เจ้าของที่แท้จริงหรือไม่เท่านั้น สำหรับประเด็นที่ผู้ร้องฎีกาว่าศาลสั่งริบของกลางไม่ได้นั้นได้ยุติไปแล้วตามคำสั่งของศาลในคดีหลัก ผู้ร้องจึงฎีกาในประเด็นนี้ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









