คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 577,962.23 บาท พร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดในราคา 560,000 บาท

จำเลยที่ 2 ยืนคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายได้ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะมีผู้เสนอซื้อเพียงรายเดียว ไม่มีการแข่งขันราคา ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี

ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้วมีคำสั่งว่าตามคำร้องไม่ปรากฎว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายยกคำร้อง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ไม่เกี่ยวกับคำสั่งศาลชั้นต้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น แต่จำเลยที่ 2 กลับฎีกาว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาในข้อกฎหมาย การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีมีผู้เข้าสู้ราคาคนเดียวไม่มีคู่แข่งเข้าประมูลสู้ราคาและการขายทอดตลาดมิได้กระทำต่อหน้าจำเลยที่ 2 เป็นการขายทอดตลาดที่มิชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใดเป็นฎีกาไม่ชัดแจ้ง และเป็นฎีกาข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายก ฎีกา จำเลย ที่ 2

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา