ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปิดกั้นเปิดทางให้กว้าง4 เมตร และจดทะเบียนทางภารจำยอม
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ทั้งสองขออาศัยผ่านทางที่จำเลยทำไว้ในฐานะเป็นเจ้าของที่ดินรวม ทางพิพาทจึงไม่ตกเป็นทางภารจำยอม ทางพิพาทกว้างไม่เกิน 2.50 เมตร จำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ได้บรรยายชัดเจนว่าที่ดินของจำเลยแปลงใดตกเป็นภารจำยอมต่อที่ดินของโจทก์แปลงไหน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางจำเป็น ให้จำเลยทั้งสองรื้อรั้วเปิดทางออกให้กว้างเท่าประตู และทำทางพิพาทให้ดีเช่นเดิม
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้เปิดทางจำเป็นให้แก่โจทก์นั้นนอกฟ้องเกินคำขอว่า ตามฟ้องมีข้อความตอนหนึ่งว่าจำเลยทั้งสองใช้ไม้กระดานและสังกะสีตีปิดกั้นทาง ขุดถนนเป็นหลุมและปลูกต้นกล้วย โจทก์ทั้งสองกับบริวารไม่สามารถใช้ทางผ่านเข้าออกและไม่มีทางอื่นที่จะให้โจทก์ผ่านออกไปได้อีกด้วย โดยที่ดินของโจทก์ถูกล้อมไว้รอบ โจทก์จำเป็นต้องตัดรั้วลวดหนามใช้บันได้ปีนรั้วสังกะสีด้านหลัง ขออนุญาตชั่วคราวผ่านบ้านของผู้อื่นเป็นทางเข้าออกได้เฉพาะกลางวัน จากถ้อยคำในฟ้องดังกล่าว แสดงให้เห็นชัดอยู่แล้วว่า บ้านและที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่น ๆ ล้อมไว้รอบ ไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ คงมีทางออกอยู่ทางเดียวที่จำเลยปิดกั้นเสีย ทางพิพาทจึงเข้าลักษณะทางจำเป็น ทั้งคำขอท้ายฟ้องข้อ 1 ก็ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปิดกั้นทางพิพาท เพื่อให้โจทก์เดินผ่านที่ดินของจำเลยที่ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยเปิดทางจำเป็นนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา







