ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติสหกรณ์พ.ศ. 2511 เดิมจำเลยจ้างโจทก์ทำงานเป็นพนักงานประจำ ดำรงตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ ต่อมาเมื่อวันที่10 ธันวาคม 2536 จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์อายุครบหกสิบปีบริบูรณ์โดยไม่จ่ายค่าชดเชย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างงวดสุดท้ายคูณด้วยจำนวน 180 วัน เป็นเงิน 124,860 บาทและให้จำเลยชำระค่าเสียหายเท่ากับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี ในต้นเงิน 124,860 บาท นับแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2536ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 2,873.50 บาท กับให้จำเลยชำระค่าเสียหายเท่ากับดอกเบี้ยในอัตราเดียวกัน นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินชดเชยทั้งหมดให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น

จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าแก่กิจการสหกรณ์ทุกประเภททั่วราชอาณาจักร อันมิใช่เป็นการหาผลกำไรหรือรายได้แบ่งปันกัน ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2511 มาตรา 104 กิจการของจำเลยจึงเป็นกิจการที่ไม่อยู่ในบังคับของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า "โจทก์อุทธรณ์ว่า กิจการของจำเลยอยู่ภายใต้บังคับของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามฟ้อง เห็นว่า แม้จำเลยเป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสหกรณ์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 มาตรา 105 และปรากฏตามมาตรา 105 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวว่า จำเลยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าแก่กิจการสหกรณ์ทุกประเภททั่วราชอาณาจักร อันมิใช่เป็นการหาผลกำไรหรือรายได้แบ่งปันกันก็ตามแต่ตามมาตรา 106(5) จำเลยยังมีอำนาจซื้อ จัดหา จำหน่าย ถือกรรมสิทธิ์ครอบครอง หรือทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สิน และอาจมีรายได้จากค่าตอบแทนในการบริการตลอดถึงผลประโยชน์จากทรัพย์สินของตนเองตามมาตรา 107(5) ข้อเท็จจริงตามที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมาเป็นที่ยุติว่า ในทางปฏิบัติจำเลยมีงบรายได้และค่าใช้จ่ายปรากฏตามเอกสารหมาย ล.2 รายได้สูงกว่ารายจ่ายจะตกเป็นทุนในการดำเนินงานต่อไป เช่นนี้ แสดงว่าการดำเนินกิจการของจำเลยมีลักษณะแสวงหาผลประโยชน์จากกิจการเหล่านี้ โดยมิใช่เป็นกิจการให้เปล่า กิจการของจำเลยจึงเป็นกิจการที่แสวงหาผลกำไรในทางเศรษฐกิจ ตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น แต่สำหรับประเด็นที่ว่า จำเลยจะต้องรับผิดใช้ค่าชดเชยและดอกเบี้ยเพียงใดนั้นศาลแรงงานกลางยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริง ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวก่อน"

พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางดำเนินการพิจารณาในประเด็นดังกล่าวข้างต้นเสียก่อนแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th