ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2505 เวลากลางวัน จำเลยได้ไปให้การเป็นพยานต่อพนักงานสอบสวนในคดีอาญาเรื่องทำพินัยกรรมปลอม โดยบังอาจกล่าวเท็จว่า จำเลยได้ลงชื่อเป็นพยานในพินัยกรรมวันที่1 สิงหาคม 2505 ซึ่งเป็นข้อสารสำคัญในคดี ซึ่งความจริงจำเลยได้ลงชื่อในวันที่ 29 สิงหาคม 2505 หลังจากเจ้ามรดกตายแล้ว ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือพวกผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาว่าสมคบกันทำพินัยกรรมปลอมเพื่อไม่ให้ต้องโทษขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 189
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษตามมาตรา 189 บทเดียว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่า โจทก์บรรยายฟ้องเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 และสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 แล้ว และการกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 นั้นจะต้องเป็นกรณีที่อาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายด้วย ซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิด ฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุว่า อาจทำให้ผู้ใด หรือประชาชนเสียหาย แม้อ่านคำบรรยายฟ้องโดยทั่วไปก็ไม่อาจรู้ได้ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ไม่มีทางลงโทษตามมาตรานี้ได้
เกี่ยวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 นั้น เห็นว่าการช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษอันจะเป็นความผิดตามมาตรานี้ จะต้องกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดใน 3 ประการที่ระบุไว้ คือ 1. โดยให้ที่พัก 2. โดยซ่อนเร้น3. โดยช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกล่าวเท็จต่อเจ้าพนักงานในเรื่องทำพินัยกรรม เพื่อไม่ให้ต้องโทษ เป็นการบรรยายเฉพาะองค์ความผิดที่ว่า"ช่วยผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องโทษ"ส่วนองค์ความผิดตอนที่ว่า ช่วยโดยให้ที่พำนัก หรือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมนั้น โจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง และตามคำบรรยายฟ้องก็ไม่อาจให้รู้ได้ว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำการเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาถูกจับกุม เมื่อฟ้องขาดองค์ความผิด จึงไม่มีทางลงโทษตามมาตรานี้ได้ดุจกัน
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









