คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2534
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 158 (6) พระราชบัญญัติอากรการพนัน ม. 4 วรรคสอง, 12
การที่โจทก์อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดมาถูกต้อง แต่อ้างกฎกระทรวงฉบับที่ถูกยกเลิกมาในคำขอท้ายฟ้องนั้น เป็นเรื่องที่โจทก์อ้างกฎกระทรวงผิดฉบับไปเท่านั้นกฎกระทรวงฉบับต่าง ๆ มิใช่มาตราในกฎหมายตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจัดให้มีการเล่นเครื่องวีดีโอที่ต่อเข้ากับเครื่องรับโทรทัศน์ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่ใช้ไฟฟ้า จักรกลตามที่ระบุไว้ในบัญชี ข. อันดับ 28 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478เรียกเก็บเงินจากผู้ที่มาเล่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติ การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 10, 12, 15 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504 มาตรา 3 กฎกระทรวงฉบับที่ 18 พ.ศ. 2503ข้อ 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ริบของกลาง และจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4 วรรคสอง, 12(2)พระราชบัญญัติ การพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504 มาตรา 3 กฎกระทรวงฉบับที่ 18 พ.ศ. 2503 (ที่ถูกต้องเป็นกฎกระทรวงฉบับที่ 23(พ.ศ. 2530) ข้อ 2) จำคุก 4 เดือน ปรับ 1,600 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ริบของกลาง ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง คืนของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ได้กล่าวถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำผิดมาแล้วว่า จำเลยจัดให้มีเครื่องเล่นวีดีโอที่ต่อเข้ากับเครื่องรับโทรทัศน์ ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่ใช้ไฟฟ้า จักรกล ตามที่ระบุไว้ในบัญชี ข. อันดับที่ 28 ท้ายพระราชบัญญัติ การพนัน พ.ศ. 2478 โดยเรียกเก็บเงินจากผู้ที่มาเล่นอันเป็นการจัดให้มีขึ้น เพื่อเป็นทางนำมาซึ่งผลประโยชน์แก่จำเลยโดยตรง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี หรือเจ้าพนักงานตามกฎหมายและในส่วนที่เป็นคำขอท้ายฟ้องอาญา มีข้อความว่าการที่จำเลยได้กระทำตามข้อความที่กล่าวมาในคำฟ้องนั้น ถือว่าเป็นความผิดต่อกฎหมายและบทมาตราคือ พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 10,12, 15 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504มาตรา 3 กฎกระทรวงฉบับที่ 18 พ.ศ. 2503 ข้อ 3 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 ศาลฎีกาเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ได้อ้างมาตราในพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ซึ่งบัญญัติว่า การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องเป็นความผิดมาครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(6) แล้ว การที่โจทก์อ้างกฎกระทรวง ฉบับที่ 18 พ.ศ. 2503ข้อ 3 ซึ่งถูกยกเลิกไปโดยกฎกระทรวงฉบับที่ 23 พ.ศ. 2530 เข้ามาในคำขอท้ายฟ้องนั้น เป็นเรื่องที่โจทก์อ้างกฎกระทรวงผิดฉบับไปเท่านั้น ซึ่งกฎกระทรวงฉบับต่าง ๆ นี้มิใช่มาตราในกฎหมายตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) แม้โจทก์จะระบุกฎกระทรวงมาผิด แต่ข้อความในบทมาตราที่โจทก์อ้างถูกต้องเมื่อศาลจะพิพากษาคดีศาลก็มีอำนาจที่จะระบุเสียใหม่ให้ถูกต้องได้การอ้างกฎกระทรวงผิดหาได้ทำให้ข้อความอื่น ๆ หรือบทมาตราในกฎหมายบทอื่นไม่ชอบไปไม่ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้วที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาโจทก์ฟังขึ้น เนื่องจากศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการจำเป็นที่จะต้องย้อนสำนวนเพื่อให้การวินิจฉัยความผิดของจำเลยเป็นไปตามลำดับศาล
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ ประจำศาล แขวง ราชบุรี จำเลย - นาย วิชา เพริศ พิพัฒน์
ชื่อองค์คณะ มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ครีภูมิ สุวรรณโรจน์ พรชัย สมรรถเวช
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan