ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยกำหนดให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกว่า โจทก์ที่ 1 และเรียกโจทก์ในสำนวนหลังว่าโจทก์ที่ 2

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิคนละ 1 แปลง จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับที่ดินของโจทก์ทั้งสองโดยมิชอบและไม่สุจริตและจำเลยยังนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปจดทะเบียนจำนองไว้แก่ธนาคาร ทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย ขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 1311 ตามจำนวนเนื้อที่ดินที่ออกทับที่ดินของโจทก์ทั้งสอง ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์ทั้งสอง

จำเลยทั้งสองสำนวนให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1311 ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1311 เลขที่ดิน 40 ตำบลวังโป่ง อำเภอชนแดน(ปัจจุบันคืออำเภอวังโป่ง) จังหวัดเพชรบูรณ์ ตามจำนวนเนื้อที่ดินตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.1 (แนวเส้นสีแดงและแนวเส้นสีเขียว)ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินอีก

จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองว่า โจทก์ทั้งสองมีอำนาจฟ้องหรือไม่โจทก์ทั้งสองนำสืบว่า ที่ดินพิพาทเป็นเขตทุ่งเลี้ยงสัตว์สาธารณะและป่าสงวนแห่งชาติ นายมี ตุ้มคำ บิดาโจทก์ทั้งหลายเคยขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทแต่ทางราชการปฎิเสธอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นเขตทุ่งเลี้ยงสัตว์สาธารณะและป่าสงวนแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่องนี้นายสมัคร คงเจียมกำนันตำบลวังศาล พยานโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นกำนันในเขตปกครองที่ที่ดินพิพาทตั้งอยู่เบิกความรับว่า ที่ดินพิพาทตั้งอยู่ในเขตทุ่งเลี้ยงสัตว์สาธารณะไม่สามารถออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นเขตทุ่งเลี้ยงสัตว์สาธารณะและป่าสงวนแห่งชาติ ดังนั้น การที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับที่ดินพิพาทซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินย่อมทำให้รัฐเสียหาย ผู้มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าว คือ เจ้าพนักงานของรัฐเท่านั้น โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนได้อย่างไรก็ตามเมื่อโจทก์ทั้งสองครอบครองที่ดินพิพาทอยู่โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย ส่วนที่โจทก์ทั้งสองขอให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทนั้น เนื่องจากที่ดินพิพาทตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2)จึงไม่อาจห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องเสียทั้งหมดได้ เพราะเป็นการขัดวัตถุประสงค์ของการใช้สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทนี้จะห้ามได้เฉพาะกรณีที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยที่มิใช่เป็นไปเพื่อการใช้ที่ดินตามวัตถุที่ประสงค์ของสาธารณสมบัติของแผ่นดินเท่านั้นฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน"

พิพากษาแก้เป็นว่า ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท เว้นแต่ที่เป็นการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามวัตถุประสงค์ของสาธารณสมบัติของแผ่นดินแปลงพิพาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th