คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2523
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 680, 698, 850
สัญญาค้ำประกันที่จำเลยลงลายมือชื่อไว้ มีข้อความสำคัญว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้ตามสัญญา ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชอบชำระหนี้แทนให้ทั้งสิ้นซึ่งเป็นข้อความต่อเนื่องกับสัญญากู้ เพียงแต่อยู่ด้านหลังสัญญาค้ำประกันนี้สมบูรณ์ฟ้องร้องบังคับคดีได้
โจทก์ผู้ให้กู้ฟ้องผู้กู้ตามสัญญากู้ แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอมเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว แต่ผู้กู้ยังไม่ชำระหนี้ หนี้นั้นยังไม่ระงับความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันยังมีอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันอีกได้
โจทก์ฟ้องว่า นายเกรียงไกรได้กู้เงินโจทก์ไป 43,000 บาท แล้วผิดสัญญาโจทก์จึงฟ้องนายเกรียงไกรขอให้ชำระหนี้ และได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันศาลพิพากษาตามยอมแล้ว แต่นายเกรียงไกรไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ และไม่มีทรัพย์ใด ๆ ให้ยึดมาชำระหนี้ได้ จำเลยนี้เป็นผู้ค้ำประกัน ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ โจทก์แจ้งให้จำเลยใช้หนี้รายนี้แล้ว จำเลยไม่ยอมใช้ โจทก์จึฟ้องขอให้บังคับจำเลย
จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดหลายประการ รวมทั้งอ้างว่าสัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องเอาจากจำเลย แต่ติดใจเรียกร้องเอาจากนายเกรียงไกรคนเดียว และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าสัญญาค้ำประกันมีผลใช้บังคับได้ แม้โจทก์ฟ้องคดีและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนายเกรียงไกร แต่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยตามสัญญาค้ำประกันได้ สัญญากู้ยังไม่ถูกแทงเพิกถอน พิพากษาให้จำเลยใช้เงินต้น 43,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2517 (วันกู้) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยเป็นเงิน 18,275 บาท และดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายเกรียงไกรได้กู้เงินโจทก์ไป 43,000 บาท ตามสัญญากู้หมาย จ.1 ด้านหลังสัญญากู้ดังกล่าวเป็นแบบพิมพ์สัญญาค้ำประกันซึ่งจำเลยลงชื่อไว้เฉพาะในช่องผู้ค้ำประกันโดยมิได้กรอกข้อความ แต่แบบพิมพ์นี้มีข้อความสำคัญอยู่ว่าถ้าผู้กู้ไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้ตามสัญญาผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชอบชำระหนี้แทนทั้งสิ้น ซึ่งเป็นข้อความต่อเนื่องกับสัญญากู้หมาย จ.1 เพียงแต่อยู่ด้านหลังเท่านั้น ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันสัญญาค้ำประกันจึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์ย่อมฟ้องให้บังคับคดีได้ ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่า หนี้ตามสัญญาค้ำประกันระงับไปแล้ว เพราะโจทก์กับนายเกรียงไกรได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลได้พิพากษาคดีตามยอมเสร็จเด็ดขาดไปแล้วนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฟ้องนายเกรียงไกรก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับนายเกรียงไกรผู้กู้เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันเมื่อนายเกรียงไกรยังไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ หนี้นั้นยังไม่ระงับความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันยังมีอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันอีกได้
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางโป๊หลิ่ง แซ่ด่าน จำเลย - นางยุพา แสงอาสภวิริยะ
ชื่อองค์คณะ ชุบ วีระเวคิน อัมพล สุวรรณภักดี สมบูรณ์ บุญภินนท์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan