ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เรียงกระทงลงโทษรวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวมจำคุก 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยออกเช็ค2 ฉบับ สั่งจ่ายเงินฉบับละ 96,170 บาท เพื่อชำระค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ให้แก่ผู้เสียหาย แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งสองฉบับ จำเลยถูกฟ้องในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คต่อศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดี จำเลยนำเงินไปชำระแก่ผู้เสียหายและวางที่ศาลชั้นต้นโดยผู้รับมอบอำนาจของผู้เสียหายรับเงินไปแล้วรวมเป็นเงินจำนวน 122,340 บาท แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาเรียงกระทงลงโทษรวม 2 กระทง ลดโทษกึ่งหนึ่งแล้วจำคุก 4 เดือนจำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยคงมีความผิดเพียง 1 กระทง ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายืน เห็นว่า เงินที่ผู้เสียหายได้รับไปจากจำเลยในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นรวม 122,340 บาท นั้น แม้จะเป็นจำนวนมากกว่าจำนวนเงินในเช็คฉบับลงวันที่ 15 มีนาคม 2536 ก็ตามแต่ก็ยังไม่พอเพียงต่อการชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ที่จำเลยออกเช็คทั้งสองฉบับชำระแก่ผู้เสียหายไว้ หนี้ดังกล่าวจึงยังมีผลผูกพันจำเลยทั้งตามข้อตกลงที่ผู้เสียหายกับจำเลยร่วมกันแถลงต่อศาลชั้นต้นระบุว่าจำเลยต้องชำระเงินให้ครบถ้วนตามเช็คทั้งสองฉบับ ผู้เสียหายจึงจะถอนคำร้องทุกข์ ดังนี้เมื่อเงินที่จำเลยชำระยังไม่ครบถ้วนตามเช็คทั้งสองฉบับ และไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายกับจำเลยได้เปลี่ยนแปลงข้อตกลงให้คดีตามเช็คฉบับหนึ่งฉบับใดเลิกกันไปก่อนได้ คดีตามเช็คฉบับลงวันที่ 15 มีนาคม 2536จึงยังไม่เลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 การออกเช็คของจำเลยจึงเป็นความผิด 2 กระทงตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาไว้ และเมื่อวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวแล้ว ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยรวมถึงดุลพินิจในการกำหนดโทษด้วย ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2527(ประชุมใหญ่) ระหว่าง พนักงานอัยการ จังหวัดพิษณุโลก โจทก์นายสงวน สาดสี จำเลย และเห็นว่าตามพฤติการณ์จำเลยเพียรพยายามขวนขวายนำเงินไปชำระตามเช็คอย่างถึงที่สุดแล้วทั้งจำเลยก็รับสารภาพมาแต่ต้น ไม่มีเจตนาบิดพลิ้ว และเมื่อโทษที่ลงแก่จำเลยเพียงจำคุกกระทงละ 2 เดือน นับว่าเป็นการจำคุกระยะสั้น การจำคุกจำเลยระยะสั้นเช่นกัน ไม่ใช่วิธีแก้ไขเพื่อให้จำเลยเป็นพลเมืองดี ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้โอกาสแก่จำเลยสักครั้งหนึ่ง โดยรอการลงโทษแก่จำเลย

พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th