โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดการโดยเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด จำเลยที่ 1 ได้ขับขี่รถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาท มิได้ลดกระบะดั๊มลง เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนสายไฟฟ้าแรงสูงและสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์ซึ่งแขวนอยู่บนเสาไฟฟ้าเสียหายกระแสไฟฟ้าลัดวงจรเข้าสู่สายเคเบิลโทรศัพท์และอุปกรณ์โทรศัพท์ภายในชุมสายโทรศัพท์ของโจทก์ทำให้เกิดไฟไหม้เสียหาย เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าของโจทก์ที่ติดตั้งในชุมสายเสียหายใช้การไม่ได้ โจทก์ได้ซ่อมแซมจนใช้การได้ดังเดิม เสียค่าใช้จ่ายไปทั้งสิ้น 97,321 บาทรายละเอียดปรากฏตามรายการค่าเสียหายเอกสารท้ายฟ้อง ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันทำละเมิดให้แก่โจทก์

โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ด้วยความประมาทโดยมิได้ลดกระบะดั๊มลง เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนสายไฟฟ้าแรงสูงและสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์ ซึ่งแขวนอยู่บนเสาไฟฟ้าขาดเสียหาย กระแสไฟฟ้าลัดวงจรเข้าสู่สายเคเบิลโทรศัพท์ ทำให้สายเคเบิลโทรศัพท์และอุปกรณ์โทรศัพท์ภายในชุมสายโทรศัพท์ของโจทก์ไหม้เสียหาย และยังมีเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าของโจทก์ที่ติดตั้งในชุมสายเสียหายใช้การไม่ได้เนื่องจากกระแสไฟลัดวงจร โจทก์ซ่อมแซมเปลี่ยนแปลงสายเคเบิลโทรศัพท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ จนใช้การได้ดังเดิม ปรากฏตามรายการค่าเสียหายท้ายฟ้อง (เอกสารหมายเลข 3) ตามเอกสารหมายเลข 3มีรายการค่าเสียหายต่าง ๆ รวม 6 รายการรวมเงินเท่ากับจำนวนค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง เห็นว่าตามฟ้องโจทก์ได้บรรยายเกี่ยวกับความเสียหายตลอดทั้งค่าเสียหายพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจได้ว่าโจทก์เสียหายอย่างไร ค่าเสียหายเท่าใดส่วนรายละเอียดอื่น ๆ เป็นเรื่องที่จะนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไปฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา