ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีมีดปลายแหลม 1 เล่ม เป็นอาวุธชิงสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น ราคา 4,800 บาท เงินสด 70 บาทของเด็กหญิงระพิศ ศิริจันทร์ ผู้เสียหายที่ 1 สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง 1 เส้น ราคา 2,400 บาท เงินสด 70 บาท ของนางสัมฤทธิ์ ศรีหลอย ผู้เสียหายที่ 2 และสร้อยคอทองคำหนัก2 สลึง 1 เส้น ราคา 2,400 บาท ของนางสาวลาวัลย์ ครองเคหาผู้เสียหายที่ 3 ไปโดยทุจริต ในการชิงทรัพย์จำเลยใช้มีดปลายแหลมจี้บริเวณลำคอผู้เสียหายที่ 1 พร้อมพูดขู่เข็ญผู้เสียหายที่ 1 ว่าในทันใดนั้นจะแทงผู้เสียหายที่ 1 และพูดขู่เข็ญผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3 ว่า จะใช้อาวุธปืนที่จำเลยพกมายิงผู้เสียหายทั้งสามหากขัดขืนการชิงทรัพย์ เมื่อจำเลยชิงทรัพย์แล้ว จำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์ที่เตรียมมาเป็นยานพาหนะหลบหนีพาทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสามไปและเพื่อให้พ้นจากการจับกุมขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340 ตรี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 10,140 บาท (ที่ถูกคือ 9,740 บาท)แก่ผู้เสียหายทั้งสาม และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีดังกล่าวของศาลชั้นต้น

จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรคสอง, 340 ตรี จำคุก 15 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 9,750 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสามและให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2310/2537และหมายเลขแดงที่ 1728/2538 ของศาลชั้นต้น

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง จำคุก 10 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า เมื่อวันที่28 สิงหาคม 2537 เวลา 16.30 นาฬิกา ผู้เสียหายทั้งสามและนางคำ ดารุณิกรณ์ เดินกลับจากซื้อกับข้าวที่ร้านค้าตรงข้ามป้อมตำรวจหนองบัว ครั้งมาถึงบริเวณคอสะพานข้ามคลองน้ำใสพบจำเลยยื่นอยู่ที่สะพาน จำเลยใช้มีดปลายแหลมจี้ผู้เสียหายที่ 2พร้อมกับพูดว่า หยุด ถ้าไม่อยากตาย มีเงินมีทองเอาออกมาให้หมดหากวิ่งหนีจะใช้ปืนยิง ผู้เสียหายทั้งสามและนางคำไม่กล้าวิ่งหนีจำเลยเอาสร้อยคอทองคำและเงินสดของผู้เสียหายทั้งสามแล้ววิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บริเวณคอสะพานขับหลบหนี

ที่โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี ด้วยนั้น พิเคราะห์แล้วประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี บัญญัติว่า "ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 339 มาตรา 339 ทวิ มาตรา 340 หรือมาตรา 340 ทวิโดยแต่งเครื่องแบบทหารหรือตำรวจ หรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำรวจ หรือโดยมีหรือใช้อาวุธหรือวัตถุระเบิดหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆกึ่งหนึ่ง" ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อผู้เสียหายทั้งสามพบจำเลยนั้นจำเลยยืนอยู่ที่สะพานข้ามคลองน้ำใสโดยไม่มีผู้ใดอยู่ในบริเวณนั้นอีก หลังจากจำเลยได้ทรัพย์จากผู้เสียหายแล้วก็วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บริเวณคอสะพานข้ามคลองน้ำใสขับหลบหนีศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์คันนั้นมาจอดไว้เองจึงขับไปได้โดยง่าย แม้ทรัพย์ที่จำเลยชิงไปนั้นจะเป็นของเล็กสามารถพาไปได้โดยไม่ต้องใช้รถจักรยานยนต์ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยใช้รถจักรยานยนต์พาทรัพย์ที่ชิงได้นั้นไป แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะพาทรัพย์ที่ชิงได้นั้นไปต้องตามวัตถุประสงค์ของมาตรา 340 ตรี ซึ่งมุ่งหมายที่จะลงโทษผู้กระทำความผิดโดยใช้ยานพาหนะพาทรัพย์ที่ชิงได้นั้นไปให้หนักขึ้น"

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th