ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นไปตามถนนพุทธรักษาจากถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าไปวัดแพรกษา ซึ่งเป็นทางโค้งหน้าโรงงานแก้วปราการด้วยความเร็วสูงเกินสมควร จนไม่สามารถบังคับรถให้อยู่ในทางเดินรถของจำเลยได้ด้วยความประมาทของจำเลยเป็นเหตุให้รถเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนรถยนต์โดยสาร และบ้านเลขที่ 456หมู่ที่ 3 รวมทั้งทรัพย์สินภายในบ้านได้รับความเสียหาย และสังกะสีมุงหลังคาบ้านตกลงมาถูกนายสุพจน์ วิเศษโวหารผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เหตุเกิดที่ตำบลแพรกษาอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157, 160 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(2) ประกอบมาตรา 160 วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษ ฐานขับรถในขณะเมาสุราจำคุก 2 เดือน ฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 3 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว เห็นว่าความเสียหายจากการกระทำผิดมีมากจำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายเพียงบางส่วนจึงไม่มีเหตุรอการลงโทษให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 23 จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยขับรถด้วยความเร็วสูงจนเกิดเหตุทำความเสียหายแก่ทรัพย์สินคิดเป็นเงินจำนวนมาก และยังมีผู้ได้รับอันตรายแก่กายอีกด้วยพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดของจำเลยนับว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกและให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนจึงเหมาะสมแก่สภาพความผิดและนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นแต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนกันมาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมและเรียงกระทงลงโทษจำเลยมานั้นเป็นการไม่ชอบ เพราะการที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นและขับรถด้วยความเร็วสูงนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำโดยประมาทอันเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันและก่อให้เกิดผลโดยตรงที่ทำให้รถคันที่จำเลยขับข้ามเกาะกลางถนนไปชนรถคันอื่นและบ้านของผู้อื่นได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับอันตรายแก่กาย จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบมาตรา 225" พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43(2), 160 วรรคสาม ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 1 เดือน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th