ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันข่มขืนใจโจทก์ โดยจำเลยที่ 5 เรียกโจทก์ให้ไปพบจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 4 เรียกโจทก์ให้ไปพบจำเลยที่ 1 และพูดขู่ว่าถ้าไม่ไปจะเจ็บตัว โจทก์จึงจำต้องยอมไปพบจำเลยที่ 1 ที่วัดผ่องพลอยวิริยารามแล้วจำเลยที่ 1 ข่มขืนใจโจทก์ให้ขึ้นรถยนต์ไปวัดธรรมมงคล ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าอาวาส โดยมีจำเลยทั้งห้าควบคุมโจทก์ไป และจำเลยที่ 1 ได้สั่งให้จำเลยที่ 3เอาโซ่ล่ามโจทก์ไว้ที่วัดธรรมมงคล ทำให้โจทก์ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสของวัดธรรมมงคลและวัดผ่องพลอยวิริยาราม และเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ให้ความอนุเคราะห์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยแก่โจทก์ และละเว้นการช่วยทุกข์บำรุงสุข ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาสตามพระธรรมวินัยโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 91, 309,310, 157

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วประทับฟ้องเฉพาะข้อกล่าวหาจำเลยที่ 1ที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 นอกนั้นให้ยก ซึ่งต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ที่ 3 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ได้ 2 ปากแล้วศาลสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำให้การชั้นสอบสวนในสำนวนการสอบสวนที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 อ้างเป็นพยานโจทก์แถลงว่า ตามข้อตกลงที่จะเลิกคดีนี้มีเงื่อนไขอยู่ คือ เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคลและวัดผ่องพลอยวิริยาราม (จำเลยที่ 1 ที่ 4) จะต้องไม่คุกคามพระในวัดผ่องพลอยวิริยารามต่อไป แต่ปรากฏว่าหลังจากตกลงแล้วได้มีพระจากวัดธรรมมงคลมารุกรานอีก ดังที่ได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวน โจทก์เห็นว่าฝ่ายจำเลยผิดข้อตกลงจึงดำเนินคดีนี้

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 วรรคหนึ่ง เป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อโจทก์และจำเลยต่างตกลงยุติข้อพิพาทต่อกันแล้ว แม้ต่อมาจะปรากฏว่าจำเลยผิดเงื่อนไขมิได้ปฏิบัติตามข้อตกลง ก็ไม่ทำให้โจทก์มีสิทธิรื้อฟื้นคดีที่ยุติลงแล้วมาฟ้องจำเลยอีก เพราะสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่พอวินิจฉัย พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่

จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในเรื่องการยอมความปรากฏในคำให้การชั้นสอบสวนของพันตำรวจโทธนู หอมหวน ในสำนวนการสอบสวนว่า พันตำรวจโทธนูกับพวกนำโจทก์กับพวกไปพบจำเลยที่ 1 ที่ 4 ที่วัดธรรมมงคล โจทก์และจำเลยต่างพูดจากันจนเป็นที่พอใจแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ติดใจเอาความต่อกัน คำให้การดังกล่าวรวมอยู่ในสำนวนการสอบสวนที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 อ้างเป็นพยานเมื่อศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์ก็แถลงว่า ตามข้อตกลงที่จะเลิกคดีมีเงื่อนไขอยู่คือเจ้าอาวาสวัดธรรมมงคลและวัดผ่องพลอยวิริยารามจะต้องไม่คุกคามพระในวัดผ่องพลอยวิริยารามต่อไป แต่หลังจากตกลงแล้วได้มีพระจากวัดธรรมมงคลมารุกรานอีก ฝ่ายจำเลยผิดข้อตกลงจึงดำเนินคดีนี้ จากคำแถลงดังกล่าวแสดงว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 3 ต่างตกลงยอมความกันโดยตรงเลิกคดีกันแล้ว สิทธิการนำคดีมาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ตั้งแต่วันที่ยอมความกัน แม้จะฟังว่าในการยอมความจะมีเงื่อนไขและจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังที่โจทก์แถลงก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะดำเนินคดีกับจำเลยเกี่ยวกับเรื่องที่พระวัดธรรมมงคลมารุกรานโจทก์เป็นคดีใหม่ โจทก์ไม่มีสิทธิรื้อฟื้นคดีที่จำเลยทำให้โจทก์ปราศจากเสรีภาพในร่างกายซึ่งยุติลงแล้วมาฟ้องจำเลยอีก เพราะสิทธิการฟ้องคดีของโจทก์ระงับไปแล้ว

พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th