Q: สามารถใช้แชทยืมเงินให้เป็นหลักฐานต้องติดอากรแสตมป์ได้ไหมครับ

A: เป็นคำถามที่ดีครับ ผมขอให้ความเห็นทางกฎหมายไว้ดังนี้นะ(แค่ความเห็นนะ) 1.ก่อนอื่นผมขอท้าวความไปถึง พรบ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนโดย พรบ. นี้ได้ให้นิยามขอคำว่า “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือสัญลักษณ์อื่นใดที่สร้างขึ้นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งนำมาใช้ประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น และเพื่อแสดงว่าบุคคลดังกล่าวยอมรับข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ดังนั้นยูสเซอร์ของเราที่ใช้ในโปรแกรมแชทต่าง ผมเห็นว่าคือ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งครับ 2.คราวนี้เรากลับมาที่ ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 วางหลังว่าตราสารที่ต้องติดอากร ต้องเป็นตราสารที่ลงลายมือชื่อคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย 3.ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากกฎหมายสองตัวนี้ประกอบกันแล้วได้ความว่า การที่เราใช้ยูสเซอร์ที่สามารถเชื่อมโยงถึงตัวเราได้แชทคุยกับใคร มันเป็นการลงลายเมื่อทางอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้วในตัว เท่ากับการแชทเพื่อกู้ยืมเงินกัน มีการลงชื่อคู่สัญญา จึงต้องด้วยบทตัดพยานตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 ที่ต้องมีการติดอากรจึงจะสามารถใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งได้ 4.ในทางปฏิบัติ ไม่ว่าจะอย่างไรติดอากรไปก็ไม่เสียหายครับ อย่าเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายเลย

A: แชทในการกู้ยืมสามารถใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องคดีได้ครับ ไม่จำเป็นต้องติดอากรแสตมป์ครับผม สามารถปริ้นหลักฐานหรือส่งหลักฐานให้ทนายความและสามารถยื่นฟ้องได้เลยครับผม

A: ตาม กม. แพ่ง การกู้ยืมเงินเกิน 2,000 ต้องมีหลักฐานการกู้ยืมลงลายมือชื่อของผู้กู้ สามารถนำหลักฐานดังกล่าวฟ้องร้องได้และต้องติดอากรแสตมป์ ส่วนกรณีการแซท ที่มีข้อความว่ามีการกู้ยืมเงินกัน ต้องว่ากันตาม พรบ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 2544 การกู้ยืมที่มีการกู้ยืมผ่านทางเฟสบุ๊ค ทางไลน์ นั้นสามารถนำมาใช้ในการฟ้องร้องเรียกเงินกู้คืนได้ครับ ไม่ต้องติดอากรแสตมป์

A: ไม่ต้องติดอากรแสตมป์ครับ