ขบวนการยื่นคำร้องต่อศาลให้คู่สมรสที่ประสพอุบัติเหตุทางสมองเป็นผู้ไร้ความสามารถและแต่งตั้งผู้อนุบาล
คู่สมรสที่แต่งงานจดทะเบียนอยู่ด้วยกันมามากกว่า 60 ปีแล้ว โดยไม่ได้แยกสินสมรส ปัจจุบัน สามีอายุ 95 ภรรยาอายุ 87 มีบุตรและบุตรีผู้สืบสันดานรวม 4 คน แต่เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วมานี้ฝ่ายภรรยาประสพอุบัติเหตุล้มศรีษะฟาดพื้นต้องได้รับการรักษาผ่าตัดสมอง 2 รอบ และรักษาทางยาบำรุงสมอง ประสาทและอื่นๆเรื่อยมาจนปัจจุบันนี้ ผลปรากฏว่า สภาพทั้งทางร่างกายและทางสมองเสื่อมลงเรื่อยๆตามอายุ จนน่าจะถึงขั้นผู้ไร้ความสามารถแล้ว กล่าวคือ ติดเตียง ลุกนั่งนอนลงเองไม่ได้ เดินเองไม่ได้ต้องมีพี่เลี้ยงสองคนประคอง กินอาหารเองไม่ได้ต้องป้อน การทำความสอาดร่างกายประจำวันก็ต้องมีพี่เลี้ยงอย่างน้อย 2 คนช่วยกัน ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เข้าขั้นเป็นผู้ไร้ความสามารถหรือไม่ และขบวนการยื่นคำร้องต่อศาล ทำอย่างไร?
คำตอบจากทนาย (1)
A: ในฐานะในฐานะนักกฎหมายและทนายความ ผมขอให้คำปรึกษาในประเด็นที่ท่านสอบถามมา โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ การวิเคราะห์ภาวะ "ผู้ไร้ความสามารถ" ตามกฎหมาย และขั้นตอนการดำเนินการทางศาลครับ ส่วนที่ 1: การวิเคราะห์ภาวะ "ผู้ไร้ความสามารถ" จากข้อเท็จจริงที่ท่านให้มาทั้งหมด คำตอบคือ ภรรยาของท่านเข้าข่ายเป็นบุคคล "ผู้ไร้ความสามารถ" ตามกฎหมายอย่างชัดเจนครับ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 28 ได้บัญญัติไว้ว่า: "บุคคลวิกลจริตผู้ใด ถ้าคู่สมรสก็ดี ผู้บุพการีกล่าวคือ บิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย ทวดก็ดี ผู้สืบสันดานกล่าวคือ ลูก หลาน เหลน ลื่อก็ดี ผู้ปกครองหรือผู้พิทักษ์ก็ดี ผู้ซึ่งปกครองดูแลบุคคลนั้นอยู่ก็ดี หรือพนักงานอัยการก็ดี ร้องขอต่อศาลให้สั่งให้บุคคลวิกลจริตผู้นั้นเป็นคนไร้ความสามารถก็ได้ บุคคลซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถตามวรรคหนึ่ง ต้องจัดให้อยู่ในความอนุบาล..." เหตุผล: ภาวะวิกลจริต แม้กฎหมายจะใช้คำว่า "วิกลจริต" แต่ในทางปฏิบัติของศาลนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงอาการทางจิตเวชเท่านั้น แต่หมายความรวมถึงภาวะสมองที่เสื่อมหรือเสียหายจนไม่สามารถรับรู้, ตัดสินใจ, หรือช่วยเหลือตนเองในเรื่องที่สำคัญได้ สภาพร่างกายและสมอง: การที่ภรรยาท่านประสบอุบัติเหตุทางสมอง, ผ่านการผ่าตัดถึง 2 ครั้ง และมีภาวะเสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นติดเตียง, ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองในกิจวัตรประจำวันพื้นฐานได้ (การกิน, การลุกนั่ง, การเดิน, การทำความสะอาดร่างกาย) ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าท่านไม่สามารถจัดการ "กิจการงานของตนเอง" ได้อีกต่อไป ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพิจารณาของศาล ดังนั้น ด้วยสภาพการณ์ดังกล่าว ท่านในฐานะสามีโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือบุตรทั้ง 4 คน มีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ที่จะยื่นคำร้องต่อศาลครับ ส่วนที่ 2: ขั้นตอนและกระบวนการยื่นคำร้องต่อศาล การยื่นคำร้องขอให้บุคคลเป็นคนไร้ความสามารถและตั้งผู้อนุบาล เป็น "คดีไม่มีข้อพิพาท" ซึ่งหมายถึงเป็นการยื่นคำร้องฝ่ายเดียวเพื่อให้ศาลมีคำสั่งรับรองสถานะ ไม่ได้เป็นการฟ้องร้องใคร กระบวนการจึงไม่ซับซ้อนเท่าคดีทั่วไป มีขั้นตอนดังนี้ครับ ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมเอกสาร นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้อง ประกอบด้วย: คำร้อง: ร่าง "คำร้องขอให้ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถและตั้งผู้อนุบาล" โดยในคำร้องต้องบรรยายข้อเท็จจริงทั้งหมด ตั้งแต่การสมรส, การมีบุตร, เหตุการณ์ที่ทำให้ภรรยาป่วย, สภาพอาการในปัจจุบันโดยละเอียด และระบุว่าต้องการให้ใครเป็น "ผู้อนุบาล" (ซึ่งโดยปกติแล้วศาลมักจะตั้งคู่สมรส หรือบุตรคนใดคนหนึ่งที่บรรลุนิติภาวะแล้ว) เอกสารประจำตัว: บัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้าน ของผู้ร้อง (สามี) บัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้าน ของภรรยา (ผู้ที่จะถูกร้องให้เป็นคนไร้ความสามารถ) เอกสารแสดงความสัมพันธ์: ทะเบียนสมรส , สูติบัตรของบุตรทุกคน (เพื่อแสดงว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย) หลักฐานที่สำคัญที่สุด: ใบรับรองแพทย์: ต้องเป็นใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ ออกให้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาทที่ทำการรักษา ควรให้แพทย์ระบุรายละเอียดอาการป่วย, การพยากรณ์โรค, และความเห็นว่า "ไม่สามารถประกอบกิจการงานของตนเองได้" หรือ "มีภาวะสมองเสื่อมรุนแรง" อย่างชัดเจน (เอกสารนี้มีน้ำหนักในการพิจารณาของศาลสูงมาก) ประวัติการรักษาทั้งหมด (ถ้ามี) ภาพถ่ายสภาพปัจจุบันของภรรยา (เช่น ภาพขณะอยู่บนเตียง หรือขณะที่ต้องมีคนช่วยป้อนอาหาร) เพื่อประกอบให้ศาลเห็นภาพชัดเจน เอกสารอื่นๆ: บัญชีเครือญาติ , หนังสือให้ความยินยอมจากทายาทคนอื่นๆ (ถ้าบุตรทุกคนเห็นชอบให้บิดาเป็นผู้อนุบาล ก็ควรทำหนังสือให้ความยินยอมแนบไปด้วย จะทำให้คดีรวดเร็วขึ้น) ขั้นตอนที่ 2: การยื่นคำร้องต่อศาล นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นต่อ ศาลเยาวชนและครอบครัว ที่ภรรยามีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลนั้นๆ เจ้าหน้าที่ศาลจะตรวจคำร้องและเอกสาร และกำหนดวันนัดไต่สวนคำร้อง ขั้นตอนที่ 3: การไต่สวนของศาล ในวันนัดไต่สวน ผู้ร้อง (สามี) จะต้องไปศาลเพื่อให้การต่อศาลตามที่ระบุในคำร้อง ศาลจะซักถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการของภรรยา และความเหมาะสมของผู้ที่จะมาเป็นผู้อนุบาล หากเอกสารทางการแพทย์ชัดเจน และคำให้การของผู้ร้องสอดคล้องกัน ศาลมักจะใช้เวลาไต่สวนไม่นาน ขั้นตอนที่ 4: ศาลมีคำสั่งและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อไต่สวนเสร็จสิ้นและศาลเห็นว่าภรรยาเป็นบุคคลไร้ความสามารถจริง ศาลจะมี "คำสั่ง" ให้ภรรยาเป็นคนไร้ความสามารถ และตั้งบุคคลที่ระบุไว้ในคำร้องเป็น "ผู้อนุบาล" หลังจากศาลมีคำสั่งแล้ว จะต้องนำคำสั่งศาลไปประกาศใน "ราชกิจจานุเบกษา" ซึ่งผลทางกฎหมายของการเป็นคนไร้ความสามารถจะสมบูรณ์เมื่อได้ประกาศแล้ว หน้าที่ของผู้อนุบาล เมื่อท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อนุบาลแล้ว ท่านจะมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดการทรัพย์สินและทำนิติกรรมต่างๆ แทนภรรยา เช่น การเบิกถอนเงิน, การจัดการสินสมรส, การให้ความยินยอมในการรักษาพยาบาล เป็นต้น โดยต้องทำไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของภรรยาเป็นสำคัญ คำแนะนำเพิ่มเติม: แม้กระบวนการจะไม่ซับซ้อน แต่การร่างคำร้องและรวบรวมเอกสารให้ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ผมแนะนำให้ท่าน ปรึกษาทนายความเพื่อมอบหมายให้ดำเนินการ จะช่วยให้กระบวนการทั้งหมดราบรื่น รวดเร็ว และถูกต้องตามขั้นตอนของศาล เพื่อให้ท่านสามารถดูแลภรรยาได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องคดีความครับ
ทนายยอดนิยม
เดือน




