Q: ทะเลาะวิวาทในพื้นที่บ้านคนอื่นก◌ับคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบ้านทำร้ายร่างกายอันไหนจะผิดกว่ากันคะหรือผิดทั้ง2ฝ่าย
น้องชาย2คนทะเลาะกันในพื้นที่บ้านคนอื่นเสียงดังเเล้วโดนคนในพื้นที่นั้นทำร้ายร่างกายทุบตี จะเอาความได้ไหมหรือฝ่ายไหนที่ผิด
คำตอบจากทนาย (5)
A: จากข้อเท็จจริงการทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นต้องดูว่าเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นจากเหตุใดและใช้อาวุธอย่างไรบ้างหรือเป็นการเพียงแค่ทำร้ายร่างกายกันเฉยๆหากเป็นเพียงแค่การทำร้ายร่างกายกันเฉยๆและมีการตอบโต้จะถือว่าเป็นการร่วมกันทะเลาะวิวาทไม่มีฝ่ายใดผิดและไม่มีฝ่ายใดถูกแต่ถ้าเกิดว่าเราทำไปเพื่อเป็นการป้องกันตัวเท่านั้นสามารถที่จะบอกได้ว่าฝ่ายเราอาจจะไม่ผิด
A: กรณีทะเลาะวิวาทภายในพื้นที่บ้านของบุคคลอื่น ต้องพิจารณาแยกเป็น “พฤติการณ์ของน้องชาย” และ “การทำร้ายร่างกายของคนในพื้นที่” โดยไม่สามารถฟันธงว่าฝ่ายใดผิดกว่า เพราะต้องอาศัยข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานประกอบ แต่ในทางกฎหมาย ทั้งสองส่วนสามารถเป็นความผิดคนละฐานได้ โดยการส่งเสียงดังทะเลาะในบ้านผู้อื่นอาจเป็นการรบกวนหรือบุกรุกโดยปริยายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 หรือ 362 หากเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่การทำร้ายร่างกายของคนในพื้นที่โดยที่หากผู้นั้นเป็นผู้อาศัยในบ้านนั้นยังอาจเข้าข่ายความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 295 หากมีการทุบตีหรือทำให้บาดเจ็บ ซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิร้องทุกข์กล่าวโทษได้ โดยไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจทำร้าย “เพื่อสั่งสอน” หรือ “ป้องกันความรำคาญ” เว้นแต่เป็นการป้องกันตัวตามสมควรแก่เหตุเท่านั้น ดังนั้นหากมีหลักฐานว่าคู่กรณีทำร้ายร่างกายเกินกว่าเหตุ ผู้เสียหายสามารถแจ้งความเอาผิดได้ ส่วนพฤติการณ์ของน้องชายที่ก่อเสียงดังหรือทะเลาะกัน อาจถูกแจ้งข้อหาแยกตามส่วนที่ตนกระทำ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เช่น คลิปเหตุการณ์ บาดแผล ใบรับรองแพทย์ และคำให้การในที่เกิดเหตุ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดการพิจารณาของพนักงานสอบสวนครับ.
A: การทะเลาะกันในบ้านคนอื่นก็จะมีความผิดในข้อหาบุกรุกครับโทษบุกรุกคือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาทครับ ส่วนที่โดนคนในพื้นที่ทำร้ายนั้นก็เป็นความผิดฐานทำร้ายกายให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท แต่ถ้าบาดเจ็บสาหัสเช่นต้องรักษาเกินกว่า 20 วันก็จะเป็นสาหัสโทษก็จะแรงขึ้น ซึ่งผิดทั้งสองฝ่ายครับสามารถเอาความได้ทั้งสองฝ่าย
A: ต้องดูพฤติการณ์ค่ะว่าการทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นเกิดจากสาเหตุใด หากเป็นสาเหตุที่ต่างฝ่ายต่างสมัครใจทะเลาะวิวาทเช่น ด่าทอกัน ท้าทายกัน เย้ยหยันตอบดต้กันไปมาก็ไม่มีฝ่ายใดผิดหรือถูกยิ่งหย่อนไปกว่ากันค่ะ แต่หากเป็นกรณีที่เราเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อนและป้องกันตัว โดนมิได้สมัครใจทะเลาะวิวาทก็อาจส่งผลให้เราถือเป็นผู้ไม่ได้กระทำผิดได้ค่ะ ปล.แต่หากเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุก็มีโทษค่ะ
A: ในสถานการณ์นี้ ต้องแยกความผิดออกเป็นสองส่วนหลัก คือ ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย (อาญา) และ ความผิดฐานบุกรุก/ก่อความเดือดร้อนรำคาญ (อาญา/แพ่ง) 1. ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย (ของคู่กรณีที่ทำร้ายน้องชายคุณ) กฎหมายอาญา มาตรา 295, 297: การที่คนในพื้นที่นั้นทำร้ายร่างกายน้องชายคุณ ถือเป็นความผิดฐาน ทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นความผิดอาญา และคุณสามารถ เอาเรื่อง ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าน้องชายคุณจะผิดในเรื่องอื่นหรือไม่ก็ตาม ข้อต่อสู้ของฝ่ายทำร้าย: ฝ่ายทำร้ายอาจอ้างว่าเป็นการ ป้องกันตัว หรือเป็นการทำร้ายตอบโต้ที่น้องชายคุณกระทำต่อเขาก่อน อย่างไรก็ตาม การป้องกันตัวจะต้องกระทำพอสมควรแก่เหตุ หากมีการทุบตีเกินกว่าเหตุ ก็ยังคงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย 2. ความผิดของน้องชายคุณ (การทะเลาะวิวาทในพื้นที่บ้านคนอื่น) บุกรุก (ป.อาญา มาตรา 362): หากการทะเลาะวิวาทของน้องชายคุณล่วงล้ำเข้าไปในอาคาร หรือบริเวณบ้านที่มีรั้วกั้นของคู่กรณีโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจเข้าข่ายความผิดฐาน บุกรุกก่อความเดือดร้อนรำคาญ (ป.อาญา มาตรา 397): การส่งเสียงดังจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนรำคาญก็อาจเข้าข่ายความผิดลหุโทษ (โทษเบา) ความรับผิดทางแพ่ง (ละเมิด): หากน้องชายคุณทำให้ทรัพย์สินของคนในพื้นที่เสียหายจากความทะเลาะวิวาท ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายในทางแพ่งด้วย
เดือน




