Q: ลูกลืมหนังสือโดนครูตี มือเขียว ก้นเขียวกลับบ้าน.....
สมัยนี้มันยังมีอีกหรอค่ะแนวนี้โรงเรียนเอกชนแท้ๆ เหตุเกิดที่วิชาศิลปะค่ะพอลูกบอกอาจารย์ว่าลืมของเท่านั้นแหละโดนเรียกออกไปหน้าชั้นตีโชว์เพื่อนๆในห้อง ลูกหนูเป็นผู้หญิงด้วย 😡
คำตอบจากทนาย (3)
A: ก้นตีเด็กแม้เป็นการทำร้ายอย่างหนึ่ง แต่แนวคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ผ่าน ๆ มายังมองว่าหากเป็นการตีเพื่ออบรมสั่งสอน ถือว่าครูอาจารย์มีอำนาจกระทำได้ครับ จึงไม่ถือว่ามีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าในบริบทของปัจจุบันแนวคำพิพากษาเดิม ๆ ยังคงใช้ได้หรือไม่และหากมีข้อเท็จจริงแบบนี้ขึ้นสู่ศาลอีกศาลจะตัดสินอย่างไร แต่ก็อยากให้รองปรับความเข้าใจกับครูผู้สอนดูก่อนครับว่าเรื่องเป็นอย่างไร น่าจะหาทางออกกันได้ไม่ยากด้วยการพูดคุยกันครับ
A: กรณีนี้จะต้องพิจารณาว่ามีกฎข้อบังคับของทางโรงเรียนในเรื่องการลืมของก่อนว่า มีการลงโทษเช่นไรค่ะ และจะต้องดูว่าการลงโทษดังกล่าวสมควรหรือเกินสมควรหรือไม่ค่ะ เพราะหากลงโทษเกินความจำเป็น จนทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บจนเกินความเหมาะสมของหน้าที่ครู เช่น ต้องรักษาบาดแผลหรือรอยฟกช้ำเป็นเวลาหลายวัน มีความสะเทือนจิตใจ และอับอายต่อเพื่อนชั้นเรียน ก็ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธินักเรียนเกินสมควรในฐานะครูค่ะ สามารถแจ้งผู้อำนวยการในกรณีดังกล่าวได้ค่ะ เพื่อให้มีขั้นตอนการดำเนินการของโรงเรียนต่อไปค่ะ
A: ประการแรกต้องนำนักเรียนไปพบแพทย์รักษาพยาบาล หากมีการทำร้ายร่างกายจริงต้องมีผลรับรองของแพทย์ ผลการวินิจฉัยของแพทย์จึงจะตอบได้ว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 หรือมาตรา 391 แล้วแต่กรณี*** ****ขอให้ตั้งสติ ลดโทสะ โมหะลงแล้วจึงเข้าไปขอพูดคุยเจรจาตกลงกันเพื่อทำความเข้าใจกันก่อนเบื้องต้นก่อน*** ***ประการต่อมามีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 ได้กำหนดวิธีการลงโทษไว้ว่า “การลงโทษ” หมายความว่า การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด โดยมีความมุ่งหมายเพื่อการอบรมสั่งสอน โดยโทษที่จะลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิดทำได้ 4 สถาน ดังนี้ 1.ว่ากล่าวตักเตือน ใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษากระทำความผิดไม่ร้ายแรง 2.ทำทัณฑ์บน ใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษาที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสภาพนักเรียนหรือนักศึกษา ตามกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา หรือกรณีทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของสถานศึกษา หรือฝ่าฝืนระเบียบของสถานศึกษา หรือได้รับโทษว่ากล่าวตักเตือนแล้ว แต่ยังไม่เข็ดหลาบการทำทัณฑ์บน ให้ทำเป็นหนังสือ และเชิญบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาบันทึกรับทราบความผิดและรับรองการทำทัณฑ์บน ไว้ด้วย 3.ตัดคะแนนความประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาของแต่ละสถานศึกษากำหนด และให้ทำบันทึกข้อมูลไว้เป็น หลักฐาน 4.ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นักเรียนและนักศึกษากระทำความผิดที่สมควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด หากครูฝ่าฝืนก็จะมีความผิด อาจถูกปลดออกหรือไล่ออก และอาจมีความผิดตามกฎหมายอาญาฐานทำร้ายร่างกายฯ รวมถึงยังต้องชดใช้ค่าเสียหายตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองสามารถเรียกค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทนได้ เช่น ค่ารักษาพยาลาลทั้งหมดที่จ่ายไป อันเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น รวมทั้งค่าสินไหมทดแทนหรือที่เราเรียกว่าค่าทำขวัญอีกได้ *****แต่ในทางปฏิบัติก็คงอยู่ที่ดุลพินิจของผู้ปกครองว่าจะดำเนินคดีเอาเรื่องกับครูที่ทำผิดหรือไม่ *** ก็ควรพิจารณาตามความเหมาะสม*** ผู้ปกครองลองไตร่ตรองทบทวนค้นหาเจตนาที่แท้จริงของคุณครู และข้อเท็จจริงจากการกระทำของลูกหลานท่านด้วย ***ซึ่งเหตุผลและมาตรฐานแต่ละครอบครัวก็คงแตกต่างกัน*****ลูกใครใครก็รัก****แต่จะรักกันแบบไหน***บางครอบครัวใครแตะต้องไม่ได้ จะตีเองยังไม่ตีเลย แล้วคนอื่นมีสิทธิอะไรมาตี ***(ซึ่งก็ผู้ปกครองบางท่านก็ฝากให้คุณครูช่วยดูแลบุตรเป็นพิเศษและยินยอมให้ครูลงโทษบุตรตนได้ หากไม่เชื่อฟังหรือดื้อรั้น เพราะอยากฝึกให้เป็นเด็กดี มีความรับผิดชอบ เคร่งครัดในระเบียบ เพราะว่าพ่อแม่พูดก็ไม่ฟัง พ่อแม่จะตีก็ตีไม่ลงกลัวว่าลูกจะเสียใจ ก็จำต้องฝากคุณครูช่วยตีบ้างแหละนิดๆ พอเป็นพิธี ภายในขอบเขต***แบบนี้ก็เป็นความยินยอมไม่เป็นละเมิด *** แต่ถ้าตีให้ถึงขนาดฟกช้ำดำเขียว หรือเลือดตกยางออก*****ก็ถือว่าเกินขอบเขตความยินยอม)****
เดือน