โดนฉ้อโกงออนไลน์
โดนมิจสร้างเพจปลอมสถานที่ท่องเที่ยว และได้โอนเงินไปจำนวน 6,000 เพื่อนจองที่พัก แล้วโดนบล็อก แจ้งความอาหยัด บช เรียบร้อยแล้ว ติดต่อเจ้าของ บช แล้วเจ้าตัวแจ้งว่า รับจ้างสมัครแอพและแสกนหน้า ไกล่เกลี่ยแล้ว เจ้าของ บช บอกไม่มีเงินคืน รอหมายเรียกเท่านั้นถึงจะคืน อยากสอบถามว่า ผู้เสียหายต้องดำเนินการต่อยังไง ทางตำรวจถึงจะดำเนินคดีต่อ
คำตอบจากทนาย (2)
A: สิ่งที่คุณต้องทำทันทีคือแคปเจอร์บทสนทนาที่เจ้าของบัญชียอมรับว่า "รับจ้างสมัครแอป/สแกนหน้า" นำไปมอบให้ร้อยเวรเจ้าของคดีเพื่อเป็นหลักฐานใหม่ เพราะคำรับสารภาพนี้เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (กฎหมายบัญชีม้า) ซึ่งมีโทษจำคุกสูงโดยไม่ต้องรอพิสูจน์เจตนาโกงเหมือนคดีฉ้อโกงปกติ จากนั้นให้คุณทำหนังสือคำร้องขอให้พนักงานสอบสวนเร่งออก "หมายเรียกผู้ต้องหา" (ไม่ใช่พยาน) ส่งไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของบัญชี โดยแจ้งตำรวจยืนยันว่า "ประสงค์ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและจะไม่ยอมความจนกว่าจะได้รับเงินคืนครบจำนวน" ตามความเป็นจริง คำพูดของเจ้าของบัญชีที่ว่า "รอหมายถึงจะคืน" เป็นเพียงการประวิงเวลาหรือท้าทายเพราะคิดว่าตำรวจจะไม่ตามคดีเล็กน้อย แต่เมื่อตำรวจออกหมายเรียกครั้งที่ 1 และ 2 หากเขาไม่มาตามนัด ตำรวจจะขออนุมัติศาลออก "หมายจับ" ทันที ซึ่งเมื่อถึงขั้นตอนนั้น เขาจะกลายเป็นผู้ต้องหาหนีคดี มีประวัติอาชญากรรมติดตัว และจะใช้ชีวิตลำบากมาก ส่วนใหญ่เมื่อเห็นหมายเรียกตราครุฑไปแปะหน้าบ้านจริงๆ มักจะรีบหาเงินมาคืนเพื่อแลกกับการให้คุณถอนแจ้งความครับ
A: ผู้เสียหายที่ถูกหลอกโอนเงินผ่านบัญชีม้า และได้แจ้งความออนไลน์/ที่สถานีตำรวจเรียบร้อยแล้ว สามารถดำเนินการต่อดังนี้ เพื่อให้คดีเดินหน้าเร็วที่สุดและมีโอกาสได้เงินคืนสูงขึ้น แจ้งความเพิ่มเติมในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและ ร่วมกันฟอกเงิน คดีหลอกจองที่พักจำนวนมากมักเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ซึ่งโทษหนักกว่าและตำรวจให้ความสำคัญมากกว่า ขอให้พนักงานสอบสวนเพิ่มข้อหานี้ในสำนวน
ทนายยอดนิยม
เดือน




