Q: โดนทำร้ายจิตใจคิดฆ่าตัวตาย

อยากสอบถามว่าการใช้วาจาว่าร้ายทำร้ายจิตใจ อันก่อให้เกิดอาการทางจิตคิดฆ่าตัวตาย ในกรณีนี้ผู้ปกครองหรือคนในครอบครัวสามารถฟ้องร้องได้ไหมครับ แล้วผิดกฎหมายข้อใด โดนโทษอะไรบ้าง ตอน สมัย ม.ปลาย ผมเคยโดนอาจารย์ว่าร้ายใส่ ไม่ได้คิดฆ่าตัวตายแต่อย่างใด แต่ทำให้ผมฝันร้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปยันจบ ม.ปลาย(ไม่ทุกวัน เดือนละครั้งโดยประมาณ) แล้วมานั่งคิดว่าถ้ามีลูกแล้วลูกเจอเหตุการณ์แบบนี้ แล้วพยายามฆ่าตัวตาย ผมควรทำอย่างไร

เผยแพร่เมื่อ 2023-07-04

คำตอบจากทนาย (5)

A: การกล่าวด้วยวาจา ปกติจะใช้กฎหมายเกี่ยวกับการหมิ่นประมาท และการดูหมิ่น ซะมากกว่า แต่ถ้าถึงขนาดทำร้ายจิตใจจนเสียสุขภาพจิต โดยเราสามารถพิสูจน์ได้ ก็จะผิดในข้อหาทำร้ายผู้อื่น ให้เกิดเหตุอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

เผยแพร่เมื่อ: 2023-07-04

A: กรณีนี้เป็นคำพูดแสดงออกมาต้องดูองค์ประกอบว่า เข้าข่ายหมิ่นประมาทตามกฏหมายไหมเขาพูดใส่ร้ายคุณต่อบุคคลที่สามหรือไม่และคำพูดเขาทำให้คุณมีอาการทางจิตคิดจะฆ่าตัวตายส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันโดยต้องมีผลตรวจของแพทย์ที่เชี่ยวชาญมายืนยันหรือไม่การจะฟ้องร้องนี่ต้องมีพยานหลักฐานดังที่ว่าพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าได้รับความเสียหายจากคำพูดนั้นกระทบกับจิตใจของคุณจนไม่อาจใช้ชีวิตได้ ถ้าไม่มีคลิปเสียงหรือเพื่อนในห้องเป็นพยานสนับสนุน ถึงฟ้องไปก็ถึงเวลาศาลท่านพิจารณา​อาจไม่เพียงพอก็ได้ค่ะ แนะนำให้ปล่อยวางและปรึกษา​จิตแพทย์และศึกษาธรรมมะควบคู่

เผยแพร่เมื่อ: 2023-07-04

A: แยกเป็นกรณีพ่อแม่ ลูกจะฟ้องเองไม่ได้เด็ดขาดเว้นแต่จะขอให้อัยการยื่นฟ้องให้แทน กรณีเป็นบุคคลอื่นในครอบครัวที่ไม่ใช่พ่อแม่สามารถฟ้องได้เองครับ รวมถึงครูและบุคคลอื่นที่ว่าร้ายเราด้วย ส่วนการว่าร้ายนั้นจะเป็นความผิดร้ายแรงมากน้อยเพียงใดต้องดูคำพูดที่ว่าร้ายเป็นกรณีๆไป

เผยแพร่เมื่อ: 2023-07-04

A: คำถามมันกว้างเกินไปครับ การจะดำเนินคดีในศาลนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือพยานหลักฐานครับ ไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน แน่นหนาก็ยากที่จะเอาผิดได้ กรณีแบบว่าถูกรังแก ด้วยถ้อยคำนั้น อาจฟ้องเป็นคดีหมิ่นประมาทได้ แต่ถ้ายึดเอาคำพูดเหล่านั้นมาเป็นปัญหาถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตายมันต้องแก้ไขด้วยวิธีอื่นครับ ไม่ใช่การฟ้องคดี

เผยแพร่เมื่อ: 2023-07-04

A: คุณเป็นคนที่น่าสงสารและน่าเห็นใจ*** ที่ต้องผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายในวัยหนุ่มจึงมีภาพความทรงจำที่มีรอยฝังลึกอยู่ในความทรงจำระยะยาว ซึ่งไม่อาจที่จะลบเลือนไปได้ในจิตใต้สำนึก ***อยากจะลืมแต่ก็กลับจำ ***จากเหตุการณ์ที่ถูกอาจารย์ว่าร้ายใส่ ***ซึ่งก็ไม่ทราบว่าถ้อยคำคือคำพูดนั้นคืออะไร ถ้อยคำเข้าลักษณะหมิ่นประมาทหรือถูกใส่ความหรือไม่ ***ถ้อยคำที่อาจารย์ว่านั้น*** ประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง *** มีบุคคลที่สามได้รู้ได้ยินถ้อยคำนั้น*** ก็เป็นความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ***ทำให้คุณต้องคิดมาก แต่ยังไม่ถึงขั้นฆ่าตัวตาย***คิดฆ่าตัวตายเป็นความคิดส่วนตัว ของแต่ละคนซึ่งคาดเดาได้ยากว่าใครจะมีคิดไปไกลได้ขนาดไหน หรือจะฆ่าตัวตายวิธีไหน **** ส่วนอีกประการหนึ่งคือ กฎหมายอาญา มาตรา 293 ผู้ใดช่วยหรือยุยงเด็กอายุยังไม่ถึง 16 ปีหรือผู้ซึ่งไม่สามารถเข้าใจว่าการกระทำของตนมีสภาพหรือไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ให้ฆ่าตัวเอง เป็นความผิด ***เพราะคุณมีความทรงจำฝังลึกในอดีต จึงทำให้คิดว่าถ้าหากมีลูกแล้วต้องเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับคุณ ก็กลัวว่าลูกจะรับไม่ได้ถึงขั้นฆ่าตัวตายก็ไม่แปลกเพราะว่าความทรงจำระยะยาวในอดีตสั่งให้คุณต้องคิดอย่างนั้น ***แต่ในใจได้แต่เชื่อว่าทายาทของคุณจะไม่พบโชคร้ายแบบเดียวกับคุณ*** อยากจะบอกให้คุณทราบว่า ในอดีตสมัยชั้นประถมปีที่ 5 ผมก็เคยถูกอาจารย์ใช้คำพูดใส่ร้าย โดยความจริงเราไม่ได้เป็นคนกระทำ พูดจาข่มขู่ รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก มีนักเรียนหลายคนที่ถูกเรียกไปใส่ร้าย ข่มขู่ให้รับสารภาพ แต่วันนั้นไม่มีบุคคลที่สามเพราะอาจารย์เรียกไปด่า ใส่ร้าย ข่มขู่ ทีละคนมีชี้หน้าด้วย ***คนไม่ได้ทำจะให้รับสารภาพอย่างไร จะตอบอะไรหรือเพราะไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย เหตุการณ์มันเลวร้ายมากสำหรับเด็กอายุ 11-12 ปี ***ต่อมาเมื่อพบนักเรียนที่เป็นคนทำผิดตัวจริงก็ถูกลงโทษไป ***แต่นักเรียนหลายคนที่ถูกเรียกไปสอบรวมถึงตัวผมด้วย***อาจารย์ท่านนั้น ก็ไม่ได้เรียกพวกเราไปพูดคุยหรือปลอบใจบ้างเลย ไม่ต้องถึงขนาดขอโทษหรอก แต่ท่านใช้วาจาหรือกิริยาทำกับพวกเรานั้น พวกเราต้องรู้เสียใจกันแค่ไหน มีห่มร้องไห้กันก็หลายคนรวมถึงผมด้วยที่ร้องไห้ ***หรือว่าด่าแล้ว ข่มขู่ ชี้หน้าแล้ว ก็แล้วไป ถือเป็นครูอาจารย์ฝ่ายปกครองมีหน้าที่ต้องดูแลความเรียบร้อยของนักเรียนภายในโรงเรียนจะแสดงออกอย่างนั้นก็ได้ ***ทุกวันผมยังจำชื่อและนามสกุลอาจารย์ท่านได้ดี แม้เวลาจะผ่านไปนานแสนนานแค่ไหนก็ยังจำไม่อาจลืมเลือนไปจากความทรงจำระยะยาว ***แต่ให้อภัยท่านไปนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ลืม***ถ้าทำผิดถ้ามีพยานหลักฐานยืนยันก็ว่าไปตามความผิด***หากไม่ผิดหรือไม่มีพยานหลักฐานยืนยันก็อย่าบีบบังคับให้ต้องรับผิด*** เพราะฉะนั้นคุณก็อย่าคิดมากนะครับ***อย่างน้อยก็มีผมก็เข้าใจความรู้สึกของคุณ***

เผยแพร่เมื่อ: 2023-07-16

คำถามที่คุณอาจสนใจ

Loading...
ทนายที่ให้คำปรึกษามากที่สุด
เดือน
ติดต่อเราทาง LINE