Q: ต้องการฟ้องหย่า เพราะสามีมีชู้

A: ๑) ฟ้องหย่า และฟ้องเรียกค่าทดแทนจากชู้ สามารถฟ้องไปในคดีเดียวก็ได้ หรือจะแยกฟ้องคนละคดีก็ได้ครับ ๒) แยกส่วนกันระหว่างการฟ้องร้องคดี กับการบังคับคดี ฟ้องคดีชนะ แต่จำเลยอาจจะไม่มีทรัพย์อะไรให้ยึดหรืออายัดได้ ๓) สามารถเรียกค่าอุปการะ ค่าเลี้ยงชีพได้จากการฟ้องหย่า เรียกให้ชำระย้อนหลังได้จนถึงวันปัจจุบัน ๔) ย้ายออกได้ครับ ไม่มีผลต่อคดีทั้งฟ้องหย่า และฟ้องชู้ ๕) ระยะเวลา และจำนวนครั้งที่จะต้องขึ้นศาล อันนี้เป็นคำถามที่ตอบแบบชัดเจนไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับการต่อสู้คดีของคู่ความ

A: กรณีที่พ่ออุปการะหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยา มีชู้ ถือเป็นเหตุให้แม่สามารถฟ้องหย่าได้ครับ และหากมีหลักฐานว่าหญิงนั้นแสดงตนโดยเปิดเผยต่อสาธาณะว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับพ่อเรา เช่น ภาพถ่ายทั้งคู่ที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน สามารถฟ้องชู้เรัยกค่าทดแทนได้เช่นกันครับ (ฟ้องชู้มีอายุความ1ปีนับแต่ทราบ เว้นแต่ยังเป็นชู้กันมาจนถึงปัจจุบัน) แต่หากชู้ไม่ชำระค่าทดแทนก็ต้องดำเนินการบังคับคดีต่อไปครับ ส่วนเรื่องการอุปการะเลี้ยงดู หากแม่ชำระไปคนเดียวสามารถฟ้องเรียกจากพ่อบางส่วนได้ครับ // ส่วนที่ว่าต้องไปศาลกี่ครั้ง หากคดีจบในชั้นไกล่เกลี่ยก็ครั้งเดียวครับ แต่หากมีการสืบพยานต่อไป ก็2-3 ครั้งครับ

A: 1. คุณแม่สามารถฟ้องเมียน้อย และ ฟ้องหย่าได้ แยกฟ้องเป็นคนละคดีค่ะ และสามารถเรียกค่าเสียหายจากได้ทั้งคฃสองคน หากปรากฏว่าฝ่ายหญิงแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กัน 2. ในการฟ้องหย่า คุณแม่สามารถขอเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรได้จนกว่าที่บุตรจะจบปริญญาตรีค่ะ และสามารถขอให้แบ่งสินสมรสไปด้วยได้ 3. หากฟ้องแล้วอีกฝ่ายไม่ชำระเงิน สามารถดำเนินคดีโดยการยึดหรืออายัดทรัพย์ของอีกฝ่ายได้ค่ะ 4. ในการขึ้นศาลส่วนมากที่สุดจะคดีละประมาณ 2-3 ครั้งค่ะ หากไม่มีการต่อสู้ที่ยาวนาน 5. ส่วนการย้ายออกจากบ้าน หากท่านและคุณแม่มีความสบายใจที่จะออกไปอยู่ข้างนอกมากกว่า หรือ กลัวว่าจะเกิดเหตุอันตราย ก็สามารถย้ายออกไปได้ค่ะเป็นสิทธิของท่านเลย ตอนนี้ทนายแนะนำให้รวบรวมหลักฐานทุกอย่าง ทั้งหลักฐานการมีชู้ หลักฐานที่ฝ่ายคุณพ่อให้เงิน แชทคุย รูปถ่าย ค่ะ สุดท้ายนี้ทนายขอเป็นกำลังใจให้ท่านและคุณแม่ผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้โดยเร็วนะคะ