Q: เซ็นกู้ให้พ่อแม่ แต่เขาไม่จ่าย ฟ้องพ่อแม่ได้ไหมคะ

พ่อกับแม่ทิ้งหนูกับน้องให้อยู่กับคุณยายตั้งแต่เล็ก พอหนูโต หนูมีรายได้จากการทำงาน พวกเขาก็มาขอร้องคุณยายหนูให้ช่วยพูดกับหนู ช่วยเซ็นกู้เงินให้พวกเขาไปทำธุรกิจ พวกเขามาทำดีกับหนูแบบที่ไม่เคยทำ บอกว่าที่กู้ทำธุรกิจเพื่ออนาคตหนูกับน้องมันทำให้หนูคิดว่าพวกเขารักพวกหนูขึ้นมาบ้าง หนูเลยเซ็นให้พวกเขา โดยที่ไม่เคยรู้รายละเอียดเอกสารเลยค่ะ เพราะเมื่อหนูจะอ่าน แม่บอกว่าจะอ่านทำไม เซ็นไปเถอะเพื่ออนาคตหนูกับน้อง เพราะหนูไว้ใจ หนูเลยมีแค่หน้าที่เซ็น โดยที่ไม่เคยได้เงินสักบาท นายธนาคารกับพนักงานรู้เห็นช่วยเหลือพ่อกับแม่ คอยช่วยให้พวกท่านกู้ได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้กู้ราวๆ 15 ล้านบาท แต่เงินที่กู้มันหมดไปกับเรื่องส่วนตัว พวกท่านเอาเงินไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุข นอนโรงแรมคืนเป็นหมื่นๆ กินหรูอยู่แพง จ่ายแต่ดอก พอหนูเริ่มเห็นว่าเงินมันไม่ได้ใช้ไปกับธุรกิจ หนูจึงไม่เซ็นเอกสารใดๆให้อีก พวกเขาจึงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหนี้ของหนู ไม่ส่งเงินที่เอาไปจากธนาคาร คือ ทิ้งหนี้ไว้ให้แล้ว หนีไปเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล หนูหมดหนทางมากๆเลยค่ะ หนูเครียดมาก อยากพึ่งกฎหมายแต่ไม่มีความรู้มากพอ อีกอย่างหนูเซ็นด้วยตัวเองมันเหมือนยินยอมเป็นหนี้ เลยหมดหนทางค่ะ พึ่งรู้ว่าพ่อแม่สามารถทำกับลูกได้ขนาดนี้เลยหรอ “เลยอยากถามว่าถ้าหนูอยากฟ้องพ่อและแม่จริงๆสามารถทำได้ไหมคะ” ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าค่ะ

เผยแพร่เมื่อ 2024-03-25

คำตอบจากทนาย (1)

A: คำถามนี้เป็นคำถามที่ยาว แต่ได้ข้อเท็จจริงเพียงนิดเดียว ทนายความก็เห็นใจกับผู้ที่ถามนะครับ แต่จะขอตอบในส่วนที่เป็นข้อกฎหมาย โดยหลักการทางสายเลือดเป็นพ่อแม่กันอย่างแท้จริง ไม่สามารถที่จะไปฟ้องคดีต่อศาลได้ ถือว่าเป็นคดีอุทลุม คือห้ามฟ้องบิดามารดาผู้ให้กำเนิดที่สืบสายโลหิตโดยตรงของตนไม่ได้ ย้ำว่าเป็นผู้ให้กำเนิด ซึ่งแม่เป็นผู้ให้กำเนิดอยู่แล้วนอกเสียว่าเป็นแม่เลี้ยง ซึ่งไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิด หรือเป็นพ่อเลี้ยง ซึ่งไม่ใช่เป็นพ่อผู้ให้กำเนิด ผู้ที่ถามก็ยังมีสิทธิ์ที่จะฟ้องพ่อเลี้ยงหรือแม่เลี้ยงได้ แต่ถ้าเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงตามหลักสายเลือด ก็ไม่อาจฟ้องดำเนินคดีได้ ทั้งนี้ทนายความยังสงสัยอยู่ 1 เดือนคือการกู้ยืมเงินกับทางธนาคาร ซึ่งมีจำนวนการกู้จำนวนมากทางธนาคารจะต้องให้น้องหาหลักทรัพย์เป็นประกัน ซึ่งอาจเป็นที่ดินหรือหลักทรัพย์ประเภทอื่นก็ได้ ซึ่งตามที่น้องแจ้งมากู้ยืมเงินหลายครั้งรวมกันราวๆ 15 ล้าน โดยส่วนตัวเท่าไหร่เองคิดว่าทั้งธนาคารคงจะต้องให้น้องหาหลักทรัพย์เป็นประกันอย่างเช่นหาที่ดินของน้องทำการจำนองที่ดินไว้กับธนาคาร และทนายความก็ยังสงสัยว่าน้องทำอาชีพอะไรทางธนาคารจึงให้กู้ยืมได้เยอะขนาดนั้น ซึ่งการให้กู้ของทางธนาคารเองจะต้องมีระเบียบข้อบังคับซึ่งพนักงานธนาคารจะต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นทางธนาคารจะต้องหาข้อมูลของน้องและหาหลักทรัพย์ไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ตอนที่ทำสัญญากู้ยืมเงินกับธนาคารอยู่แล้วหรือมีผู้ค้ำประกันหนี้ของน้องไว้ ซึ่งทนายความก็ยังสงสัยอยู่ว่าทางธนาคารปล่อยสินเชื่อเงินกู้ให้กับน้องได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ดีเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทนายความก็ขอเป็นกำลังใจให้น้อง ฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงไปได้โดยดี โดยขอให้เชื่อว่าคุณงามความดีจากความกตัญญูที่น้องได้สั่งสมมานี้ จะคอยเป็นเกราะคุ้มครองภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง ไม่ให้เกิดกับน้องและคนที่น้องห่วงใย และขอให้น้องมีโชคมีลาภต่อไปในภายภาคหน้านะครับ หากว่าข้อความนี้เป็นประโยชน์อยู่บ้างช่วยกดรีวิวให้ทนายความด้วยครับ

เผยแพร่เมื่อ: 2024-03-25

คำถามที่คุณอาจสนใจ

Loading...
ทนายที่ให้คำปรึกษามากที่สุด
เดือน
ติดต่อเราทาง LINE