Q: รบกวนปรึกษาคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาค่ะ

น้าสาวลูกของยาย มาหายายเพื่อยืมโฉนดบ้านไปจำนองกับสหกรณ์ (โดยบอกว่าจะเอาไปปิดหนี้เงินชาวบ้านและหนี้ดอกเบี้ยกู้ที่เอาไปส่งลูกสาวเรียนหนังสือ) และรับปากว่าลูกสาวเรียนจบจะหามาใช้คืนเองเสมอทุกครั้งที่มาขอยืมเงิน ยอดกู้ 170,000 บาท (เรื่องนี้เกิดมาหลายปีแล้วค่ะ) แต่ต่อมาน้าสาวเสียชีวิต ลูกสาวเข้ามาคุยที่บ้านยายโดยรับปากว่าจะจ่ายคืนและปิดหนี้เองทั้งหมด หลังจากบรรจุราชการได้สักปีจะกู้เงินมาปิดหนี้ทั้งหมด (คนที่ได้ยินก็มีญาติๆ) แต่หนี้สกรณ์เมื่อน้าสาวเสียชีวิตชื่อผู้เป็นสามีก็ยอมรับสภาพหนี้ แต่ทางลูกสาวรับปากว่าจะจัดการหนี้สินเอง ต่อมาแม่ของดิฉันได้พายายไปถามเจ้าหน้าที่สหกรณ์หลายครั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่เข้ามาติดต่อและไม่มีการชำระหนี้ จนสุดท้ายล่าสุดมีจดหมายเตือนแจ้งมาที่ยาย เรื่องดำเนินคดี/ยึดทรัพย์ แต่ลูกสาว(คนที่ไปแจ้งความ)ได้บล็อคช่องทางการติดต่อไปทุกช่องทางและทุกคนที่เป็นญาติ อีกทั้งทางแม่ของดิฉันก็ค่อยไปเตือนเรื่องหนี้กับทางสามี(พ่อของผู้แจ้งความ)ทุกครั้งได้คำตอบประมาณว่าจะไปคุยกับลูกสาว และไม่ได้คำตอบอะไรเลย ดังนั้นจริงหาช่องทางเพื่อที่จะติดต่อทุกทาง โดยคิดว่าบุคคลที่ใกล้ตัวที่สุดคือสามี และคิดไปเองว่าเป็นครอบครัวเดียวกันเป็นสามีภรรยากันคงจะเป็นบุคคลเดียวกันตามกฏหมาย จริงหาเบอร์โทรฯ เพื่อจะโทรไปแจ้ง ติดต่อไปทางเบอร์โรงเรียนต้นสังกันเพื่อขอพูดคุยแต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่อยู่ สุดท้ายไปเจออีเมล เลยพิมพ์ไปแจ้งชี้แจงรายละเอียดเพื่อให้เข้าใจในความเป็นมาต่างๆ และยังบอกไปด้วยว่าเงินที่น้าสาวดิฉันยืมจากญาติเพื่อส่งผู้แจ้งความเรียนไม่มีใครเอาคืนแล้วแค่มาจ่ายหนี้สหกรณ์ เพราะน้าสาวที่เสียชีวิตไปยืมเงินหลายคนเนื่องจากต้องส่งลูกเรียน เงินที่หยิบยืมไปส่วนใหญ่เป็นเงินสดจากญาติ ทำให้ไม่มีหลักฐาน น้าสาวที่เสียไปจดไว้ว่าติดหนี้ใครเท่าไหร่ แต่ได้ข่าวมาว่าคนที่ไปแจ้งความเผาทำลายทิ้ง(อันนี้ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่) หลังจากนั้นก็ได้รับการตอบกลับขอหลักฐานและแจ้งว่าจะประสานให้ ดิฉันเลยแนบไฟล์เอกสารจากสหกรณ์ไปด้วย เวลาผ่านไปก็ยังเงียบอยู่แม่ของดิฉันพายายไปถามสหกรณ์ก็แจ้งว่าไม่มาติดต่อ จึงเกิดโทสะ ดิฉันได้โพสในเฟสบุ๊คแต่ไม่ได้ระบุชื่อโพสไปด้วยโทสะ(หลายโพส แต่ไม่ได้ระบุชื่อทุกโพส) ต่อมาไปค้นหาฟสบุ๊คของสามีและพิมพ์ไปในแชทอีกครั้ง พร้อมถ้อยคำบวกกับการบันดานโทสะด้วย สุดท้ายสามีของคนที่แจ้งความก็บล็อคไป ดิฉันก็ล่มเลิกที่จะตามปล่อยให้ไป แต่เมื่อต้นปี67 สุดท้ายครอบครัวคนแจ้งความก็เอาโฉนดอีกผืนไปแลกเพื่อให้ที่ดินยายออกมาได้ ดิฉันก็คิดว่าเรื่องจะจบแล้ว จนต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาทำตรวจไปโทรไปหาแม่ดิฉันว่ามีคนไปแจ้งความดิฉัน ดิฉันเลยติดต่อกลับหาตำรวจ ตำรวจบอกว่าได้รับการโอนย้ายคดีมาจากสภ.ปากพะยูน จ.พัทลุง มาที่สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราชเนื่องจากผู้แจ้งมีทะเบียนบ้านอยู่ที่นั้น โดยแจ้งในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และอีกคดีคือพ่อของผู้แจ้งความแจ้งไว้อีกคดี คือเปิดเผ่ยข้อมูลส่วนตัวที่สภ.ปากพะยูน ว่าดิฉันเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ส่วนตัวดิฉันแค่ติดว่าครอบครัวเดียวกันไผตามเพื่อให้เค้ามาจ่ายให้จบ ไม่คิดว่าจะเอาเรื่องไปบอกทางสามีเค้าไม่ได้ ผู้แจ้งว่าเป็นข้าราชการครูสามีในตอนนั้นเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียน ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว ยายอายุ 80 กว่าปี ทำให้เฉันมีโทสะมาก.เนื่องจากสนิทกับยายมาก อย่างนี้เป็นคดีร้ายแรงมั้ยคะ รู้สึกกังวลค่ะ เพราะเค้าเป็นข้าราชการ ไปแจ้งความที่สภ.ปากพะยูนอาเค้าก็เป็นตำรวจที่นั้น สิ่งที่ไม่รุ้เลยก็คือไม่รู้ว่าไปตามที่สามีเค้าไม่ได้ค่ะ

เผยแพร่เมื่อ 2024-05-23

คำตอบจากทนาย (1)

A: ถ้าตำรวจส่งหมายเรียกตำรวจมาแล้วทั้ง 2 ข้อหา คือ 1.ข้อหาหมิ่นประมาทจากการโฆษณา ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่คุณโพสต์เฟสบุ๊คที่ทำให้เข้าใจได้ว่าหมายถึงใคร ซึ่งต้องดูว่าโพสต์เป็นสาธารณะ หรือส่วนตัว และภาพที่แคปให้ตำรวจ ลงวันเดือนปีอะไร แจ้งความตอนไหน เพื่อดูว่าขาดอายุความหรือยัง 2.เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล PDPA แม้จะเป็นคนในครอบครัว แต่หากไปเปิดดูโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร และคุณหาข้อมูลไปใช้ คือ โทรไปหาโรงเรียนต้นสังกัด การส่งเมล์ ซึ่งคุณต้องดูว่า ที่อีกฝ่ายแจ้งความไว้ กล่าวหา ว่าเป็นเรื่องนี้หรือไม่ ข้อมูลการโทร โทรตอนเดือน ปีอะไร หรือที่ส่งเมล์ ส่งวันเดือนปีอะไร เพื่อดูว่าขาดอายุความหรือยัง -ซึ่งหมายตำรวจจะส่งตามทะเบียนบ้าน แนะนำให้ไปรายงานตัวต่อตำรวจทุกนัด หากขาดรายงานตัว 3 นัด ในนัดที่ 3 จะออกหมายจับ หากเพิ่งรับทราบหมายไปไม่ทันแนะนำให้โทรเลื่อนนัดก่อน และนัดหมายใหม่ - จะมีการสอบคำให้การ ซึ่งตามข้อเท็จจริง คุณทำจริง เพียงแค่ต้องดูว่าอายุความหรือยัง และคุณมีหลักฐานอะไรบ้างเพื่อแสดงให้เห็นว่า ฝ่ายนั้นรู้ตั้งแต่ส่ง แต่เพิ่งแจ้งความ หากสู้เรื่องอายุความ (หากแจ้งความตามอายุความ) - ตำรวจอาจเรียกให้คุยทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ทางคุณจ่ายค่าเสียหายตามที่อีกฝ่ายเรียก หรือตามแต่อีกฝ่ายให้ทำเช่น โพสต์ขอโทษ ชี้แจงโรงเรียน หากจ่ายจบแนะนำให้อีกฝ่ายถอนแจ้งความ ไม่ติดใจดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา เนื่องจากเป็นความผิดที่ยอมความได้ทั้ง 2 คดี ***เบื้องต้นในชั้นตำรวจก่อนนะคะ

เผยแพร่เมื่อ: 2024-05-25

คำถามที่คุณอาจสนใจ

Loading...
ทนายที่ให้คำปรึกษามากที่สุด
เดือน
ติดต่อเราทาง LINE