Q: หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ
สวัสดีค่ะ อยากจะปรึกษาคดีค่ะ ตอนนี้เรากำลังโดนแจ้งความในคดี หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรื่องมีอยู่ว่า เราได้แชร์ข่าวจากยูทูปที่ช่องข่าวลง ซึ่งในข่าวมีน้องชายแฟน แฟนน้องชาย และแม่ของแฟนน้องชาย(เป็นคนขอให้นักข่าวเสนอข่าว) เราเห็นว่าเป็นข่าวเกี่ยวกับคนในครอบครัวจึงแชร์ลงในเฟซบุ๊ค โดยเขียนโพสต์ว่า อยากทราบว่าเรื่องนี้จะจบกี่โมง สงสารลูกบ้าง ซึ่งเขาได้ร้องออกสื่อแบบนี้เป็นครั้งที่2แล้ว อยากทราบว่าเราจะโดนดำเนินคดีไหมคะ เท่าที่ทราบทางเจ้าทุกข์น่าจะมีหลักฐานแค่รูปที่แคปหน้าโพสต์ที่เราแชร์
คำตอบจากทนาย (2)
A: เท่าที่ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวยังไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณานะครับ
A: 1. ความหมายของหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 บัญญัติว่า "ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท" และมาตรา 328 บัญญัติเพิ่มเติมว่า "ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท" จากบทบัญญัติดังกล่าว การหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา คือ การใส่ความผู้อื่นโดยการโฆษณาต่อบุคคลที่สาม ซึ่งอาจกระทำได้หลายวิธี เช่น การเขียน การพิมพ์ การออกอากาศ หรือการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต โดยการกระทำนั้นต้องเป็นการใส่ความที่ทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง 2. วิเคราะห์กรณีศึกษา การที่คุณแชร์ข่าวจากยูทูปพร้อมกับข้อความ "อยากทราบว่าเรื่องนี้จะจบกี่โมง สงสารลูกบ้าง ซึ่งเขาได้ร้องออกสื่อแบบนี้เป็นครั้งที่2แล้ว" อาจเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาได้ หากข้อความดังกล่าวเข้าองค์ประกอบความผิด ดังนี้ เป็นการใส่ความผู้อื่น: ต้องพิจารณาว่าข้อความที่คุณโพสต์นั้นเป็นการใส่ความน้องชายแฟน แฟนน้องชาย และแม่ของแฟนน้องชาย หรือไม่ โดยดูจากเนื้อหาของข่าวที่คุณแชร์ประกอบด้วย หากข่าวมีเนื้อหาที่เป็นเท็จ และข้อความที่คุณโพสต์ไปทำให้บุคคลเหล่านั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ก็อาจถือว่าเป็นการใส่ความได้ การโฆษณา: การแชร์โพสต์ลงในเฟซบุ๊กซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่บุคคลทั่วไปเข้าถึงได้ ถือเป็นการโฆษณาอย่างหนึ่ง มีเจตนา: ต้องพิจารณาว่าคุณมีเจตนาที่จะใส่ความบุคคลเหล่านั้นหรือไม่ หากคุณมีเจตนาเพียงแค่ต้องการแสดงความคิดเห็นหรือตั้งคำถาม ก็อาจไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท 3. พยานหลักฐานที่จำเป็น ในคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พยานหลักฐานที่จำเป็น ได้แก่ พยานบุคคล: พยานบุคคลที่สามารถยืนยันได้ว่าคุณเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวจริง เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการสืบสวนสอบสวน หรือบุคคลที่เห็นโพสต์ของคุณ พยานเอกสาร: พยานเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาพหน้าจอโพสต์ในเฟซบุ๊กของคุณ ข้อมูลการแชร์ URL ของข่าวจากยูทูป พยานวัตถุ: เช่น โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการโพสต์ข้อความ 4. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (หากมีการโพสต์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์) 5. ฎีกาที่เป็นประโยชน์ / ฎีกาที่เสียประโยชน์ ฎีกาที่เป็นประโยชน์: ฎีกาที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กที่ทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา (เช่น ฎีกาที่ 71/2560) ฎีกาที่เสียประโยชน์: ฎีกาที่เกี่ยวข้องกับการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท (เช่น ฎีกาที่ 3224/2550)
เดือน