“มาตรา 34 หรือ มาตรา 34 อาญา คืออะไร?
“มาตรา 34 ” หรือ “มาตรา 34 อาญา” คือหนึ่งในมาตราของประมวลกฎหมายอาญา
ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “บรรดาทรัพย์สิน
(๑) ซึ่งได้ให้ตามความในมาตรา ๑๔๓ มาตรา ๑๔๔ มาตรา ๑๔๙ มาตรา ๑๕๐ มาตรา ๑๖๗ มาตรา ๒๐๑ หรือมาตรา ๒๐๒ หรือ
(๒) ซึ่งได้ให้เพื่อจูงใจบุคคลให้กระทำความผิด หรือเพื่อเป็นรางวัลในการที่บุคคลได้กระทำความผิด
ให้ริบเสียทั้งสิ้น เว้นแต่ทรัพย์สินนั้นเป็นของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด”
3 ตัวอย่างจริงของการใช้ “มาตรา 34” หรือ “มาตรา 34 อาญา” ในประเทศไทย
1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5883/2541
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ.มาตรา 144, 33และให้ริบเงินสดของกลางที่จำเลยได้ให้แก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้เจ้าพนักงานปล่อยตัวจำเลยไป โดยไม่ต้องนำส่งพนักงานสอบสวน การที่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำวินิจฉัยในเรื่องของกลางดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 186(9) ปัญหาข้อนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจวินิจฉัยแก้ไขให้ถูกต้องและพิพากษาให้ริบของกลางได้ ไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย
2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2524
การริบทรัพย์ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาศัยอำนาจตามมาตรา 27 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร กับการริบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา กรณีไม่เหมือนกัน โดยการริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญากฎหมายให้อำนาจศาลจะสั่งริบ แต่มีข้อยกเว้นว่าถ้าเป็นทรัพย์ผู้อื่นมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ผู้นั้นมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งคืนได้ แต่การริบตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีดังกล่าวเป็นการริบตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่รัฐบาลจะสั่งริบโดยไม่คำนึงว่าเป็นของผู้กระทำผิดหรือไม่ หรือเจ้าของจะรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นหรือไม่ คำสั่งของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวจึงเป็นอันเสร็จเด็ดขาด จะนำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญามาใช้ไม่ได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1981/2521
แม้พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 29 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2503 มาตรา 47 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 228 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2515 ข้อ 18 จะบัญญัติไว้ทำนองเดียวกันว่าบรรดาอาวุธ เครื่องมือ เครื่องใช้ ฯลฯ ซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำผิดฯ ให้ริบเสียทั้งสิ้น โดยไม่ต้องคำนึงว่าเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษฯ หรือไม่ก็ตามก็มิได้บัญญัติมีข้อความระบุถึง กรณีที่เจ้าของทรัพย์สินมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด จะตีความว่าบทบัญญัติดังกล่าว มีความมุ่งหมายให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดไม่ได้กรณีต้องตกอยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 คือผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของแท้จริงมีสิทธิร้องขออาวุธปืนของกลางคืนได้