กฎหมายแรงงาน หมวด 2 การดำเนินกระบวนพิจารณา (ข้อ 8 - 49)

เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-25

ค้นหาธรรมดา

ค้นหากฎหมายไทยอย่างรวดเร็ว

หมวด 2
การดำเนินกระบวนพิจารณา

-------------------------

ข้อ 8

โจทก์หรือผู้ร้องอาจยื่นคำฟ้องหรือคำร้องเป็นหนังสือหรือแถลงข้อหาด้วยวาจาต่อศาลก็ได้ ในกรณียื่นเป็นหนังสือให้ใช้แบบพิมพ์ของศาลยุติธรรมหรือจะใช้แบบพิมพ์ รง.1 หรือ รง.2 ท้ายข้อกำหนดนี้ก็ได้
ในกรณีที่โจทก์หรือผู้ร้องแจ้งความประสงค์ว่าจะแถลงข้อหาด้วยวาจา ให้ผู้พิพากษาแห่งศาลแรงงานที่มีเขตอำนาจออกนั่งฟังคำแถลงด้วยวาจา และสอบถามเพิ่มเติมตามที่จำเป็น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แล้วบันทึกรายการแห่งข้อหาไว้ในแบบพิมพ์ รง.1 หรือ รง.2
การดำเนินการตามวรรคสอง เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ผู้พิพากษาอาจจัดให้โจทก์หรือผู้ร้องทำคำฟ้องหรือคำร้องเป็นหนังสือ โดยให้นิติกรศาลแรงงานเป็นผู้แนะนำหรือร่างคำฟ้องหรือคำร้องให้ก็ได้
ในกรณีคำฟ้องหรือคำร้องอ้างถึงเอกสารใดที่โจทก์หรือผู้ร้องจะอ้างเป็นพยานหลักฐานในประเด็นแห่งคดีโดยเอกสารนั้นอยู่ในความครอบครองของผู้อ้าง ให้ผู้อ้างแนบสำเนาเอกสารดังกล่าวมาด้วย เว้นแต่ผู้อ้างไม่สามารถกระทำได้
สำเนาเอกสารตามวรรคสี่ ให้หมายความรวมถึงวัตถุที่ใช้บันทึกข้อมูลหรือสื่อความหมายโดยวิธีอื่นนอกจากการเขียนและพิมพ์ด้วย

ข้อ 9

คดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลแรงงานภาค ถ้าโจทก์หรือผู้ร้องประสงค์จะยื่นคำฟ้องหรือคำร้องต่อศาลจังหวัดที่ตั้งอยู่ในเขตของศาลแรงงานภาค เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลหรือผู้พิพากษาแห่งศาลจังหวัดนั้นอาจจัดให้นิติกรหรือเจ้าพนักงานศาลแห่งศาลจังหวัดนั้นเป็นผู้แนะนำหรือร่างคำฟ้องหรือคำร้องให้ก็ได้

ข้อ 10

เมื่อโจทก์หรือผู้ร้องยื่นคำฟ้องหรือคำร้องต่อศาลจังหวัด ให้ผู้พิพากษาแห่งศาลจังหวัดรีบส่งคำฟ้องหรือคำร้องที่โจทก์หรือผู้ร้องนำมายื่นหรือรายการแห่งคำฟ้องหรือคำร้องที่บันทึกไว้ไปยังศาลแรงงานภาคที่คดีนั้นอยู่ในเขตอำนาจโดยเร็ว หากศาลแรงงานภาคสั่งรับไว้พิจารณาก็ให้แจ้งคำสั่งพร้อมวันนัดพิจารณาไปยังศาลจังหวัดโดยเร็ว
การส่งคำฟ้องหรือคำร้องตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลจังหวัดส่งตามวิธีการในข้อ 5 แล้วจึงส่งต้นฉบับคำฟ้องหรือคำร้องไปยังศาลแรงงานภาคต่อไป

ข้อ 11

คดีอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ คณะกรรมการอุทธรณ์หรือคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8 (4) หรือคดีอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือคดีอุทธรณ์ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลแรงงาน เพื่อความสะดวกและรวดเร็วให้โจทก์ฟ้องคณะกรรมการโดยตรงโดยไม่ต้องฟ้องกรรมการเป็นรายบุคคลก็ได้ ในกรณีนี้คณะกรรมการจะมอบอำนาจให้กรรมการหรือบุคคลใดต่อสู้คดีแทนก็ได้

ข้อ 12

ในกรณีที่ผู้เยาว์ยื่นคำฟ้องเป็นหนังสือหรือมาแถลงข้อหาด้วยวาจาต่อหน้าศาลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้เยาว์อาจยื่นคำร้องโดยอ้างเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคสี่ แนบมาพร้อมกับคำฟ้องเพื่อขออนุญาตยื่นฟ้องคดีแรงงานด้วยตนเองก็ได้

ข้อ 13

เมื่อศาลสั่งรับคำฟ้องหรือคำร้องแล้ว ให้ผู้พิพากษากำหนดวันเวลาในการพิจารณาคดีนั้นโดยเร็ว แล้วแจ้งให้โจทก์หรือผู้ร้องทราบและสั่งให้มาศาลโดยใช้แบบพิมพ์ รง.3 ท้ายข้อกำหนดนี้ กับให้ออกหมายเรียกจำเลยหรือแจ้งผู้คัดค้านให้มาศาลโดยใช้แบบพิมพ์ รง.4 ท้ายข้อกำหนดนี้ ตามกำหนดวันเวลาดังกล่าว
ในกรณีที่โจทก์หรือผู้ร้องมาศาล ศาลจะสั่งให้โจทก์หรือผู้ร้องลงชื่อรับทราบกำหนดนัดแทนการส่งคำสั่งเรียกก็ได้
การกำหนดวันตามวรรคหนึ่ง ไม่ควรให้เกินสิบห้าวันนับแต่วันสั่งรับคดีไว้พิจารณา เว้นแต่มีเหตุจำเป็นที่ไม่อาจกำหนดให้เร็วกว่านั้นได้

ข้อ 14

เมื่อศาลสั่งรับคำฟ้องหรือคำร้องและกำหนดวันเวลาในการพิจารณาแล้ว ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลาง อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค หรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแรงงานจังหวัด แล้วแต่กรณี กำหนดตัวผู้พิพากษาและผู้พิพากษาสมทบโดยเร็ว

ข้อ 15

ให้ผู้อำนวยการศาลเป็นผู้ออกหนังสือเชิญผู้พิพากษาสมทบมานั่งพิจารณาคดี ในกรณีรีบด่วนจะติดต่อเชิญทางโทรศัพท์หรือโดยวิธีอื่นตามวิธีการในข้อ 5 ก็ได้
หากผู้พิพากษาสมทบคนใดที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางหรืออธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค หรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแรงงานจังหวัด แล้วแต่กรณี กำหนดตัวให้มานั่งพิจารณาคดี มีความจำเป็นจะมาศาลไม่ได้ ให้ผู้อำนวยการติดต่อเชิญผู้พิพากษาสมทบซึ่งได้กำหนดสำรองไว้สำหรับคดีนั้น ถ้าไม่มีการกำหนดผู้พิพากษาสมทบสำรองไว้ ก็ให้รีบรายงานอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลาง หรืออธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค หรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแรงงานจังหวัด แล้วแต่กรณี เพื่อกำหนดตัวผู้พิพากษาสมทบคนอื่นแทน

ข้อ 16

เมื่อจำเลยหรือผู้คัดค้านได้รับหมายเรียกให้มาศาล จำเลยหรือผู้คัดค้านจะยื่นคำให้การหรือคำคัดค้านเป็นหนังสือก่อนวันเวลาที่ศาลนัดให้มาศาลตามข้อ 13 วรรคหนึ่ง ก็ได้
ในกรณีที่จำเลยหรือผู้คัดค้านประสงค์จะยื่นคำให้การหรือคำคัดค้านเป็นหนังสือ ให้ใช้แบบพิมพ์คำให้การของศาลยุติธรรม
เมื่อถึงวันที่ศาลนัดให้มาศาลตามข้อ 13 วรรคหนึ่ง ถ้าจำเลยหรือผู้คัดค้านยังไม่ได้ยื่นคำให้การหรือคำคัดค้านเป็นหนังสือ ให้ศาลสอบถามจำเลยหรือผู้คัดค้านว่าประสงค์จะยื่นคำให้การหรือคำคัดค้านหรือไม่ ถ้าจำเลยหรือผู้คัดค้านแจ้งความประสงค์ว่าจะให้การหรือคัดค้านด้วยวาจา ให้ศาลบันทึกคำให้การหรือคำคัดค้านด้วยวาจานั้นให้ปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณาหรือบันทึกในแบบพิมพ์คำให้การของศาลยุติธรรมก็ได้ หรือถ้าจำเลยหรือผู้คัดค้านประสงค์จะยื่นคำให้การหรือคำคัดค้านเป็นหนังสือ ก็ให้ยื่นโดยเร็ว แต่ถ้าจำเลยหรือผู้คัดค้านไม่ยอมให้การหรือไม่ประสงค์จะยื่นคำคัดค้าน ให้ศาลบันทึกไว้ให้ปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณา

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th