ถูกตรวจค้นรถหรือบ้าน ปฏิเสธได้ไหม_  ขอบเขตอำนาจตำรวจ.png
เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-19

ถูกตรวจค้นรถหรือบ้าน ปฏิเสธได้ไหม?: ขอบเขตอำนาจตำรวจ

ถูกตรวจค้นรถหรือบ้าน ปฏิเสธได้ไหม_  ขอบเขตอำนาจตำรวจ.png

โดยทั่วไป “การค้น” ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมี หมายค้น ก่อนจึงจะทำการค้นได้ แต่หากเป็นกรณี ค้นรถ หรือ ค้นตัวในที่สาธารณะ โดยหลักแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีหมายค้น เมื่อตำรวจมี เหตุอันควรสงสัย ว่าบุคคลนั้นอาจกระทำความผิด หรือมีสิ่งของผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง

ตัวอย่างเช่น หากเราขับรถฝ่าไฟแดงหรือขับรถด้วยความเร็วผิดปกติ ตำรวจพบเห็นและเรียกตรวจ ตำรวจอาจขอตรวจค้นได้เพราะมีเหตุอันควรสงสัย แต่ถ้าเราขับรถตามปกติ และเพียงแค่จอดติดไฟแดงโดยไม่สวมหมวกกันน็อก แล้วตำรวจขอค้นรถทันที กรณีนี้ ไม่มีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับสิ่งของผิดกฎหมาย เราจึงไม่จำเป็นต้องยินยอมให้ค้น เพราะตำรวจไม่อาจค้นได้โดยพลการ

⭐️ ปรึกษาทนายเบื้องต้นฟรี ง่ายๆผ่านทาง Free Q&A โดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวตน

ตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 8722/2555 

เป็นฎีกาที่ตรวจค้นโดยไม่มีข้อสงสัย ผู้ถูกค้นมีสิทธิป้องกันสิทธิตนเองไม่ให้ถูกค้นได้

วินิจฉัยว่า บริเวณที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสุทธาวาส ไม่ใช่หลังซอยโรงถ่านที่มีอาชญากรรมประเภทความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และความผิดเกี่ยวกับทรัพย์เป็นประจำ และจำเลยไม่มีท่าทางเป็นพิรุธ คงเพียงแต่นั่งโทรศัพท์อยู่

การที่สิบตำรวจโท ก. และสิบตำรวจตรี พ. อ้างว่าเกิดความสงสัยในตัวจำเลยจึงขอตรวจค้น โดยไม่มีเหตุผลสนับสนุนว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดความสงสัยในตัวจำเลย จึงเป็นข้อสงสัยที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกเพียงอย่างเดียว ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันควรสงสัยตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 93 ที่จะทำการตรวจค้นได้

การตรวจค้นตัวจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยซึ่งถูกกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายย่อมมีสิทธิโต้แย้งและตอบโต้เพื่อป้องกันสิทธิของตน ตลอดจนเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใด ๆ อันสืบเนื่องจากการปฏิบัติที่ไม่ชอบได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 มาตรา 138 วรรคสอง และมาตรา 367


หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ให้อำนาจในการค้นของเจ้าพนักงาน มาตรา 93

ถูกตรวจค้นรถหรือบ้าน ปฏิเสธได้ไหม_  ขอบเขตอำนาจตำรวจ (2).png

ห้ามมิให้ทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถาน เว้นแต่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้น ในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิด หรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด

กล่าวโดยสรุปง่าย ๆ คือ ตำรวจสามารถค้นตัวบุคคลหรือของในที่สาธารณะได้ ถ้ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีของผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่ความรู้สึกของตนเอง โดยไม่ต้องขอหมายค้นจากศาลก่อน แต่ต้องทำโดยสุจริตและไม่ละเมิดสิทธิของประชาชนเกินสมควร

แล้วกรณีแบบไหนบ้างที่ตำรวจสามารถค้นได้เลยโดยไม่ต้องมีหมายค้น เช่น เห็นคนร้ายกระทำผิดซึ่งหน้า (มาตรา 92มาตรา 94) หรือกรณีจับกุมผู้ต้องหาได้ในที่เกิดเหตุ สามารถค้นหาของกลางในบริเวณนั้นได้ทันที (มาตรา 85)  หรือกรณีเจ้าของบ้านยินยอมให้ค้น แต่ต้องยินยอมโดยสมัครใจจริง ๆ ไม่ถูกข่มขู่

ตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 3578/2563 

การที่เจ้าของบ้านยินยอมให้ค้น ตำรวจจึงมีอำนาจค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น

วินิจฉัยว่า ก่อนที่จะดำเนินการค้น ร้อยตำรวจเอก พ. ได้ขอความยินยอมจาก ท. เจ้าของบ้าน รวมทั้งจำเลย และ ช. ผู้อาศัยอยู่ในบ้านก่อนแล้ว โดยจำเลยเป็นผู้นำการค้นด้วยตนเอง การค้นจึงเป็นการกระทำโดยอาศัยอำนาจจากความยินยอมของเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ รวมทั้งจำเลยและผู้อยู่อาศัยในบ้านที่เกิดเหตุ

เมื่อไม่ปรากฏว่าร้อยตำรวจเอก พ. ได้ขู่เข็ญหรือหลอกลวงให้ ท. จำเลย และ ช. ให้ความยินยอมในการค้น แม้การค้นจะกระทำลงโดยไม่มีหมายค้นที่ออกโดยศาลอนุญาตให้ค้นได้ ก็หาได้เป็นการค้นโดยมิชอบและฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ไม่

นอกจากนี้ จำเลยได้ลงลายมือชื่อไว้ในบันทึกการตรวจค้น โดยระบุข้อความอันเป็นข้อยกเว้นที่ให้ค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92 (4) ด้วย ดังนั้น เครื่องกระสุนปืนของกลางที่ร้อยตำรวจเอก พ. ยึดได้ จึงเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานที่ชอบ และใช้ยันจำเลยเพื่อรับฟังลงโทษจำเลยได้

💬  อ่านกระทู้คำตอบจากทนาย (Q&A) 


การค้นในที่รโหฐาน 

ถูกตรวจค้นรถหรือบ้าน ปฏิเสธได้ไหม_  ขอบเขตอำนาจตำรวจ (3).png

เช่น บ้าน ที่พัก ห้องพัก โดยหลักต้องมีหมายค้นมาแสดง ตำรวจก็มีสิทธิค้นได้ แต่ถ้า ไม่มีหมายค้นหรือคำสั่งศาล มาแสดง เรามีสิทธิไม่ยินยอมให้ค้น ได้ เว้นแต่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายดังต่อไปนี้

มาตรา 92 ห้ามมิให้ค้นในที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้น หรือคำสั่งของศาล เว้นแต่พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจเป็นผู้ค้น และในกรณีดังต่อไปนี้
     (1) เมื่อมีเสียงร้องให้ช่วยมาจากข้างในที่รโหฐาน หรือมีเสียง หรือพฤติการณ์อื่นใดอันแสดงได้ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นในที่รโหฐานนั้น
     (2) เมื่อปรากฏความผิดซึ่งหน้ากำลังกระทำลงในที่รโหฐาน
     (3) เมื่อบุคคลที่ได้กระทำความผิดซึ่งหน้า ขณะที่ถูกไล่จับหนีเข้าไป หรือมีเหตุอันแน่นแฟ้นควรสงสัยว่าได้เข้าไปซุกซ่อนตัวอยู่ในที่รโหฐานนั้น
     (4) เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิด หรือได้มาโดยการกระทำความผิด หรือได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรืออาจเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทำความผิดได้ซ่อน หรืออยู่ในนั้น ประกอบทั้งต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ สิ่งของนั้นจะถูกโยกย้าย หรือทำลายเสียก่อน
     (5) เมื่อที่รโหฐานนั้นผู้จะต้องถูกจับเป็นเจ้าบ้าน และการจับนั้นมีหมายจับ หรือจับตามมาตรา 78

📖 อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: หมายเรียก หมายจับ หมายค้น และหมายศาล การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบภายใต้กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไทย

ตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 1035/2536 

เป็นกานที่ตำรวจค้นบ้านโดยไม่มีหมายค้น เจ้าของบ้านป้องกันสิทธิของตนเองโดยการชกต่อยตำรวจ  ซึ่งมีอำนาจทำได้เจ้าของบ้านไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และทำร้ายร่างกาย

         ฎีกา 1035/2536 คำว่าเจ้าบ้าน ตามบทบัญญัติป.วิ.อ. มาตรา 92 (5) หมายความถึงผู้เป็นหัวหน้า เพราะบุคคลที่พักอาศัยอยู่ในบ้าน หลังนั้น และรวมตลอดถึงคู่สมรสของผู้เป็นหัวหน้า เพราะบุคคลดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบในการครอบครองบ้านและ ปกครองผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้น หาได้รวมถึงผู้อยู่ในบ้านทุกคน ตามทะเบียนบ้านหลังเกิดเหตุมี บ. บิดาจำเลยเป็นหัวหน้า มีชื่อจำเลยอยู่ในฐานะเป็นบุตร จำเลยจึงมิได้อยู่ในฐานะ เป็นเจ้าบ้านตามป.วิ.อ.มาตรา92 (5)การที่ผู้เสียหายกับพวกเข้าไปจับกุมจำเลยในบ้านดังกล่าวตามหมายจับ แต่ไม่มี หมายค้น ทั้งผู้เสียหายกับพวกมิใช่เจ้าพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่จะทำการค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้นจึงเป็นการ จับกุมโดยมิชอบตาม ป.วิ. อ.มาตรา 81 และเป็นการจับกุมโดยไม่มีอำนาจจำเลยจึงชอบที่จะป้องกันสิทธิของตนให้ พ้นจากภยันตรายอันเกิดจากการจับกุมโดยไม่ชอบเช่นนั้นได้ หากจำเลยจะชกต่อยผู้เสียหายจริงก็เป็นการกระทำ เพื่อป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ และไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และทำร้ายร่างกาย

💬  อ่านกระทู้คำตอบจากทนาย (Q&A) 

ตำรวจมาขอค้นบ้านต้องมีหมายค้นไหมคะ

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2536

กรณีนี้เป็นกรณีที่ตำรวจเข้าค้นบ้านโดยไม่มีหมายค้น เจ้าของบ้านจึงป้องกันสิทธิของตนเองด้วยการชกต่อยตำรวจ ซึ่งศาลวินิจฉัยว่า “ทำได้” และเจ้าของบ้านไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ และไม่มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย

วินิจฉัยว่า คำว่า “เจ้าบ้าน” ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92 (5) หมายถึงผู้เป็นหัวหน้าในการพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น รวมตลอดถึงคู่สมรสของผู้เป็นหัวหน้า เพราะเป็นผู้รับผิดชอบในการครอบครองบ้านและปกครองผู้อยู่อาศัยในบ้านดังกล่าว ไม่ได้รวมถึงผู้อยู่ในบ้านทุกคน

ตามทะเบียนบ้านหลังเกิดเหตุมี บ. บิดาของจำเลยเป็นหัวหน้า และมีชื่อจำเลยอยู่ในฐานะเป็นบุตร จำเลยจึงมิได้อยู่ในฐานะเป็น “เจ้าบ้าน” ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 92 (5) การที่ผู้เสียหายกับพวกเข้าไปจับกุมจำเลยในบ้านดังกล่าวตามหมายจับ แต่ไม่มีหมายค้น และผู้เสียหายกับพวกมิใช่เจ้าพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่จะทำการค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น จึงเป็นการจับกุมโดยมิชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 81 และเป็นการจับกุมโดยไม่มีอำนาจ

ดังนั้น จำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากภยันตรายอันเกิดจากการจับกุมโดยไม่ชอบได้ หากจำเลยชกต่อยผู้เสียหายจริง ก็เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ และไม่เป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ และทำร้ายร่างกาย

🔎 หาคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ผ่านทางระบบ ค้นหาฎีกา ของ Legardy


สิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติ เมื่อค้น

ถูกตรวจค้นรถหรือบ้าน ปฏิเสธได้ไหม_  ขอบเขตอำนาจตำรวจ (4).png

เมื่อมีการค้นแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ป.วิ.อ. มาตรา 102 คือให้ค้นต่อหน้าผู้ครอบครองสถานที่ หรือบุคคลในครอบครัวของผู้นั้น หรือถ้าหาบุคคลดังกล่าวไม่ได้ ก็ให้ค้นต่อหน้าบุคคลอื่นอย่างน้อย 2 คนซึ่งเจ้าพนักงานได้ร้องขอมาเป็นพยาน กล่าวให้เข้าใจโดยง่าย ๆ คือ หากตำรวจจะค้นบ้านเรา ต้องค้นต่อหน้าเจ้าของบ้าน แต่ถ้าเราไม่อยู่บ้าน ตำรวจก็ยังค้นได้ โดยให้ค้นต่อหน้าบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคนที่เชิญมาเป็นพยาน

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2553 

เป็นคดีที่ย้ำหลักว่า การค้นต้องทำต่อหน้าผู้ครอบครองสถานที่ที่ถูกค้น หรือมีพยานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด จึงจะถือว่าเป็นการค้นโดยชอบ โดยศาลวินิจฉัยว่า แม้ขณะเริ่มค้น เจ้าพนักงานจัดให้พยานที่มิใช่บุคคลในครอบครัวของจำเลยที่ 2 เป็นพยานเพียงคนเดียวเพราะจำเลยที่ 2 ไม่อยู่ แต่ระหว่างค้น จำเลยที่ 2 กลับมาและนำเจ้าพนักงานค้นห้องของตนต่อไปจนพบของกลาง จึงถือว่าเป็นการค้นต่อหน้าผู้ครอบครองสถานที่ตามมาตรา 102 แล้ว

💬  อ่านกระทู้คำตอบจากทนาย (Q&A) 

ส่งท้าย

กล่าวโดยสรุป หากตำรวจจะค้นเรา “ในที่สาธารณะ” ตำรวจจะมีอำนาจค้นได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าเราได้กระทำความผิด หรือมีทรัพย์สินอันเป็นสิ่งผิดกฎหมายไว้ครอบครอง โดยเหตุสงสัยต้องดูจากพฤติการณ์ ไม่ใช่อาศัยความรู้สึก กลั่นแกล้ง หรือความอาฆาตพยาบาทของเจ้าหน้าที่เอง หากตำรวจจะค้นโดยมิชอบ เรามีสิทธิปฏิเสธหรือโต้แย้งเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้ และไม่เป็นความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานหรือความผิดอื่น ๆ ที่สืบเนื่องจากการค้นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

แต่หากเป็นการค้น “ที่รโหฐาน” คือ เคหสถาน สำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น หรืออสังหาริมทรัพย์ในความครอบครองโดยปกติสุขของผู้อื่น (เช่น บ้าน ที่พักอาศัย หรือที่อื่น ๆ ที่เราครอบครองเป็นการส่วนตัว รวมถึงที่ดินที่ล้อมรั้ว ขึงลวดหนาม เป็นต้น) โดยหลักตำรวจต้องนำหมายค้นมาแสดงให้ทราบก่อนจึงจะทำการค้นได้ และการค้นนั้นต้องทำต่อหน้าเจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองสถานที่ด้วยตามมาตรา 102

📢 หากคุณ ต้องการปรึกษาเรื่องถูกตรวจค้นรถหรือบ้าน ไม่เป็นธรรม หรือต้องการปรึกษาปัญหากฎหมายอื่นๆ ติดต่อทนาย กว่า 700 คนทั่วประเทศผ่านเว็บไซต์ได้เลย 

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
sanook ข่าวสด มติชน spring
cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “