คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2529

ค้นหาธรรมดา

ค้นหาคำพิพากษาฎีกาอย่างรวดเร็ว

เคล็ดลับการค้นหา: ใช้ตัวกรองเพื่อค้นหาให้แม่นยำขึ้น

พบ 1025 รายการ (103 หน้า)

ฎีกาที่ 1607/2529

# คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2529

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 8, 616

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา616ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในการที่ของอันเขาได้มอบหมายแก่ตนนั้นสูญหายหรือบุบสลายเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยเมื่อปรากฏว่าเรือลำเลียงที่จำเลยที่1ใช้ขนส่งจอดอยู่ที่ท่ากำลังบรรทุกสินค้ามีคลื่นจากเรืออื่นมาทำให้เรือลำเลียงนั้นโคลงและล่มลงเมื่อไม่ปรากฏว่าคลื่นนั้นมีความร้ายแรงผิดปกติจนไม่อาจคาดหมายหรือไม่อาจป้องกันมิให้เรือลำเลียงล่มได้จำเลยที่1ย่อมคาดหมายได้ว่าจะมีคลื่นมากระทบเรือลำเลียงและอาจมีการระมัดระวังมิให้เรือลำเลียงล่มเพราะถูกคลื่นกระทบได้การที่เรือล่มจึงไม่ใช่ผลบังคับที่ไม่อาจป้องกันได้และมิใช่เหตุสุดวิสัยจำเลยที่1จึงต้องรับผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว.

คลิกเพื่ออ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม
ฎีกาที่ 425/2529

# คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2529

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 165 (7) พระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2519

การสื่อสารแห่งประเทศไทยโจทก์ได้วางระเบียบให้ประชาชนสามารถใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศของโจทก์โดยเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้บริการตามอัตราที่ได้กำหนดไว้แสดงว่าโจทก์ได้ให้บริการดังกล่าวประจำเป็นปกติธุระค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการต่างๆจึงเป็นสินจ้างที่โจทก์เรียกเก็บจากจำเลยผู้ใช้บริการแม้โจทก์จะเป็นรัฐวิสาหกิจตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทยพ.ศ.2519ก็ตามโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่างๆเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา165(7)ซึ่งมีอายุความ2ปี.(ที่มา-เนติฯ)

คลิกเพื่ออ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม
ฎีกาที่ 387/2529

# คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2529

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 142, 183

ข้อเท็จจริงตามประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่7663/2524ของศาลชั้นต้นที่ว่าด.โจทก์ได้ขายหุ้นจำนวน3398หุ้นให้แก่ว.จำเลยที่3ในคดีดังกล่าวไปแล้วใช่หรือไม่มีความเกี่ยวพันกับประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนี้โดยตรงแม้ว่าโจทก์ทั้งสองคดีจะเป็นคนละคนกันและมิใช่คู่ความในคดีเดียวกันก็ตามเพราะก่อนที่ศาลจะวินิจฉัยคดีนี้ว่าการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่1/2522ของบริษัทจำเลยมีผู้ถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ70ของหุ้นทั้งหมดหรือไม่นั้นจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนว่าด.ยังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยขณะที่บริษัทจำเลยจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่1/2522หรือไม่ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์นำข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีแพ่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวที่ฟังว่าด.ได้ขายหุ้นจำนวน3,398หุ้นให้แก่ม.และม.ได้โอนหุ้นจำนวนดังกล่าวให้แก่ว.มาวินิจฉัยตัดสินในคดีนี้จึงเป็นการวินิจฉัยที่ตรงกับประเด็นที่ได้กำหนดหน้าที่นำสืบและภาระการพิสูจน์ไว้ในคดีนี้คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว.

คลิกเพื่ออ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม
ฎีกาที่ 226/2529

# คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2529

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 68, 288

ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อนคืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุมเมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุมผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า'วันนี้เป็นวันตายของมึง'และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลังผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมาจำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1นัดถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อนเมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตายการป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.

คลิกเพื่ออ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม
ฎีกาที่ 213/2529

# คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2529

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 40, 104

ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกซึ่งจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยเดินทางไปทำธุรกิจที่จังหวัดเลยแล้วป่วยกระทันหันไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ขอเลื่อนคดีโจทก์แถลงคัดค้านว่าจำเลยประวิงคดีและไม่มีพยานมาสืบโจทก์มิได้คัดค้านโดยตรงว่าจำเลยมิได้ป่วยทั้งมิได้คัดค้านว่าคำร้องของจำเลยไม่เป็นความจริงฟังได้ว่าจำเลยป่วยมีอาการท้องเดินและอ่อนเพลียมาศาลไม่ได้จริงนับว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดีพยานจำเลยตามบัญชีพยานปรากฏว่านอกจากจำเลยอ้างตนเองแล้วมีส.อีกเพียงคนเดียวแม้ส.เป็นพยานซึ่งจำเลยมีหน้าที่นำมาเบิกความต่อศาลแต่จำเลยไม่นำมาก็ได้ความว่าในวันนั้นส.อยู่ที่จังหวัดเลยเช่นเดียวกันเมื่อคำนึงถึงเหตุที่จำเลยป่วยประกอบด้วยแล้วการที่จำเลยไม่นำส.มาเบิกความยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประวิงคดีและไม่มีพยานมาสืบนอกจากนี้หากพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ในเนื้อหาของคดีประกอบกับประโยชน์แห่งความยุติธรรมด้วยกรณีมีเหตุสมควรให้จำเลยเลื่อนคดี.

คลิกเพื่ออ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม
ฎีกาที่ 23/2529

# คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21 - 23/2529

ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ม. , ,

การที่โจทก์กับจำเลยทำสัญญาจ้างแรงงานโดยกำหนดว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์เมื่อใดก็ได้และโจทก์จะไม่เรียกร้องอย่างใดๆเอากับจำเลยนั้นเป็นเพียงข้อสัญญาซึ่งให้สิทธิจำเลยที่จะเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมซึ่งทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเท่านั้นมิได้หมายความว่าโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องเงินซึ่งพึงจะได้รับตามกฎหมาย ค่าชดเชยเป็นเงินซึ่งประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ46บังคับให้นายจ้างจ่ายแก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างซึ่งประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับอย่างกฎหมายโจทก์กับจำเลยจะตกลงทำสัญญาจ้างแรงงานโดยมีข้อตกลงใดๆอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศฉบับดังกล่าวหาได้ไม่การที่โจทก์กับจำเลยตกลงกันโดยกำหนดให้โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยย่อมเป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายเป็นการขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ46ไม่มีผลใช้บังคับ.

คลิกเพื่ออ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม
ฎีกาที่ 4172/2529

# คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4172/2529

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 167, 170, 185, 195, 215, 225 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ม. 3

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็คมิใช่ผู้ออกเช็ค โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้บรรยายว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คอย่างไร การกระทำของจำเลยที่ 2 ตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้อง เฉพาะจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คส่วนจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลังเช็คให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ให้ประทับฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย ดังนี้ข้อเท็จจริงที่ว่าในวันออกเช็คจำเลยที่ 1 มีเงินในบัญชีพอจ่ายตามเช็คพิพาทหรือไม่ เป็นสาระสำคัญแห่งคดีที่จะแสดงให้เห็นได้ว่าคดีโจทก์มีมูลเป็นความผิดหรือไม่ แม้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ก็ต้องนำสืบให้ปรากฏถึงความข้อนี้ เมื่อโจทก์นำสืบแต่เพียงว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการออกเช็คโดยเจตนา ที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คเท่านั้น จึงฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง จำเลยที่ 1 ได้

คลิกเพื่ออ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม
ฎีกาที่ 4209/2529

# คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ADMIN 4209/2529

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 18, 199, 226

จำเลยที่5ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งรับคำให้การอ้างเหตุว่าตนมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การพร้อมกับยื่นคำให้การมาด้วยโดยยื่นมาก่อนที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า'ขยายระยะเวลาไม่ได้เพราะการขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การต้องขอก่อนสิ้นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23จำเลยมายื่นวันนี้พ้นกำหนด8วันแล้วทั้งไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัยให้ยกคำร้อง'คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งยกคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การมิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การอันถือเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา18จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดีตามมาตรา226(1).

คลิกเพื่ออ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม
ฎีกาที่ 4205/2529

# คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ADMIN 4205/2529

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 172, 173, 174, 177

การแจ้งความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา172,173และ174นั้นความเท็จที่แจ้งต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับความผิดอาญาเมื่อจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนเพียงว่าจำเลยเป็นผู้แนะนำส.ให้รู้จักกับโจทก์และสามีซึ่งเป็นความเท็จโดยไม่มีข้อความว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาการกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ ส่วนการเบิกความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177นั้นความเท็จที่เบิกความต้องเป็นข้อสำคัญในคดีคือเป็นข้อความในประเด็นหรือที่เกี่ยวแก่ประเด็นอันอาจจะทำให้คู่ความถึงแพ้ชนะกันในประเด็นนั้นในคดีที่โจทก์คดีนี้ถูกฟ้องว่าฉ้อโกงข้อสำคัญแห่งคดีมีว่าโจทก์ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหายทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อแล้วมอบเงินให้โจทก์รับไปหรือไม่ดังนั้นที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยเคยแนะนำโจทก์ให้รู้จักกับผู้เสียหายนั้นถึงหากจะเป็นความเท็จก็มิใช่ข้อสำคัญในคดีการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ.

คลิกเพื่ออ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม
หน้า จาก 103
แสดงรายการ 1 - 10 จากทั้งหมด 1025 รายการ