คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1367 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490

เจ้าของบ้านไม่อยู่ไปต่างจังหวัด มอบหมายให้คนทำสวนเฝ้าบ้านแม้จะมอบปืนให้ประจำตัว ปืนก็มิได้อยู่ที่ตัวคนสวน ซึ่งมิได้ยึดถือเพื่อตน เจ้าของบ้านเป็นผู้ครอบครองคนสวนไม่มีความผิดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2522

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 177

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวที่เช่า จำเลยให้การว่าสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดการบอกกล่าวไม่ชอบ ขับไล่จำเลยไม่ได้ พร้อมกับฟ้องแย้งว่า โจทก์รับเงินประกันการเสียหายไว้จากจำเลยจำนวนหนึ่ง เมื่อเลิกสัญญาเช่ากันโจทก์ต้องคืนเงินประกันดังกล่าวให้จำเลย ดังนี้ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแต่เป็นเรื่องที่จะเกิดตามมาภายหลัง เมื่อจำเลยถูกขับไล่แล้วโจทก์จึงต้องคืนเงินประกันความเสียหาย กล่าวคือถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไปเพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะคืนเงินประกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องเรียกร้องกันอีกต่างหากเมื่อปรากฏผลในคดีนี้แล้ว จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2522

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 2 (4), 28, 51 วรรคสาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 168, 420, 448

การที่จำเลยขุดและล้อมรั้วปิดกั้นทางสาธารณะซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของนาโจทก์ตามสำนวนคดีอาญา เฉพาะแต่รัฐเท่านั้นที่ฟ้องจำเลยได้ โจทก์มิใช่ผู้เสียหายในความผิดดังกล่าว การที่โจทก์จะฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าสินไหมทดแทนได้เพียงไรหรือไม่ขึ้นอยู่กับโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษจากการที่จำเลยขุดและล้อมรั้วปิดกั้นทางสาธารณะเพียงไรหรือไม่การฟ้องคดีแพ่งจึงมิได้อาศัยผลแห่งคดีอาญาดังกล่าว จึงมิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวกับคดีอาญา ไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคสาม และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกินหนึ่งปีนับแต่วันทำละเมิด คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามมาตรา 448 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 850, 852 พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ม. 5, 31

สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า จำเลยยอมให้โจทก์เช่าทำนาต่อไปอีกในปีการทำนา 2518 ตามข้อสัญญาดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยตกลงให้โจทก์ได้เช่าทำนาในปี 2518 ต่อไปมิได้มีข้อความว่าโจทก์ตกลงเช่านาพิพาทเพียง 1 ปีทั้งไม่มีข้อความว่าโจทก์สละสิทธิการเช่านาพิพาทในปีต่อๆ ไปจำเลยย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517 มาตรา 31โจทก์มีสิทธิเช่านาของจำเลยต่อไปโดยได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 5

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1312

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 คำว่า'ค่าใช้ที่ดิน' แตกต่างกับคำว่า 'ราคาที่ดิน' การกำหนดค่าใช้ที่ดินจะอาศัยราคาที่ดินเป็นประมาณมิได้เพราะมิใช่เป็นกรณีซื้อขายที่ดินกัน หากแต่จะต้องพิจารณาพฤติการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

จำเลยปลูกตึกแถวสูง 5-6 ชั้นลงในที่ดินจำเลย แม้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์เพียง 3/10 ตารางวา แต่เป็นอาคารที่มีความมั่นคงถาวรมากและตั้งอยู่ในย่านการค้าศาลกำหนดค่าใช้ที่ดินให้ 100,000 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2522

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 198 ทวิ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499

คดียักยอกทรัพย์ที่ฟ้องต่อศาลแขวงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352,353 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง โจทก์ร่วมอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่รับอุทธรณ์ตามศาลชั้นต้น คำสั่งนี้เป็นที่สุดโจทก์ร่วมฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2522

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 184

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อเจ้าพนักงานไปที่บ้านจำเลยทั้งสองเพื่อตรวจค้นจับกุม จำเลยที่ 1 รับห่อเฮโรอีนจากจำเลยที่ 2 แล้วโยนทิ้งในทันทีดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำไปเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดหลักฐานเกี่ยวกับความผิดได้ที่ตนเป็นการกระทำด้วยเจตนาเพื่อช่วยตนเองแม้จำเลยที่ 2 อาจจะได้รับประโยชน์จากการกระทำดังกล่าวด้วยจำเลยที่ 1 ก็ไม่มีความผิดฐานทำให้เสียหายทำลายพยานหลักฐานในการกระทำความผิดเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา184

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2522

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 140 (3), 155, 156

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนและให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและคำร้องขัดทรัพย์ผู้ร้องอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์เรื่องขอดำเนินคดีอนาถาภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงไม่รับวินิจฉัยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งใหม่ในเรื่องคำร้องขัดทรัพย์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ว่าหากผู้ร้องประสงค์ดำเนินคดีเรื่องร้องขัดทรัพย์ให้นำค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลภายใน 15 วันหลังจากสิ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วันอีกศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลกำหนดและกรณีไม่ใช่เหตุสุดวิสัยไม่อนุญาตผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ผู้ร้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 7 วันนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ มิฉะนั้นให้จำหน่ายคดีดังนี้เมื่อผู้ร้องมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายในเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนดในครั้งหลังนี้ คดีของผู้ร้องจึงไม่มีอยู่ในศาลอันจะพึงดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อไปผู้ร้องจะมาขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ตนนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลอีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 616, 625 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 249

จำเลยใช้รถยนต์บรรทุกห้องเย็นรับจ้างขนส่งไก่สดของโจทก์ไปต่างจังหวัดปรากฏว่าไก่สดเกิดเน่าเสียเพราะเครื่องทำความเย็นของรถบรรทุกจำเลยไม่ดีพอ จำเลยในฐานะผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616

ใบส่งสินค้าของจำเลยมีข้อความจำกัดความรับผิดว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่เกิน 500 บาท แต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์มิได้ลงชื่อยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวทั้งไม่ได้ความจากข้อนำสืบของจำเลยว่า โจทก์ได้ตกลงด้วยชัดแจ้ง ข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625 จำเลยผู้ขนส่งต้องรับผิดเต็มราคาของที่เสียหายไปจริง

จำเลยฎีกาว่า ไก่ของโจทก์มีถึง 4,000 ตัว มีมูลค่าเก้าหมื่นบาทเศษ นับว่าเป็นของมีค่าอย่างอื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 620 โจทก์มิได้แจ้งราคาไก่ให้ทราบ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ความข้อนี้เมื่อจำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กันมาในศาลชั้นต้น และมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2522

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 23, 223, 249 พระธรรมนูญศาลยุติธรรม ม. 19

ศาลชั้นต้นยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา และกำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาวาง แต่จำเลยไม่วางเงินภายในกำหนด กลับอุทธรณ์ ฎีกา ครั้นศาลอุทธรณ์และฎีกาพิพากษายืน จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นขยายเวลาวางเงินศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น แต่กลับยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลอุทธรณ์ขอให้กำหนดเวลาให้จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมอีก คำร้องของจำเลยไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะรับไว้พิจารณา เพราะไม่มีคดีของจำเลยอยู่ในศาลอุทธรณ์ในขณะนั้น และกรณีไม่เป็นไปตามลำดับศาลดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำร้องของจำเลยให้นั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

« »
ติดต่อเราทาง LINE