
ซื้อบัตรคอนเสิร์ตแล้วงานยกเลิก: สิทธิผู้บริโภค เคลมเงินคืนได้ไหม?

ปัญหาการยกเลิกคอนเสิร์ตไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคจำนวนมาก ซึ่งในช่วงปี 2564 – 2568 สภาผู้บริโภคได้รวบรวมเรื่องร้องเรียนปัญหาการไม่ได้รับเงินคืนหรือได้รับเงินคืนล่าช้าจากกรณีการยกเลิกคอนเสิร์ต จำนวนมากกว่า 9,053 กรณี มีความเสียหายรวมกว่า 32.97 ล้านบาท
คงไม่มีอะไรน่าผิดหวังเท่ากับการซื้อบัตรคอนเสิร์ตที่ตั้งตารอคอยแล้วต้องมาเจอประกาศยกเลิกงานอย่างกะทันหัน ซึ่งความรู้สึกผิดหวังยังไม่เท่ากับ คำถามที่ค้างคาใจของผู้บริโภคว่า เงินค่าบัตรที่จ่ายไปจะได้คืนเมื่อใด? ผู้จัดบางรายอาจใช้ช่องว่างนี้ในการประวิงเวลาหรือผลักภาระความรับผิดชอบ ทำให้ผู้บริโภคต้องจมอยู่กับการรอคอยการคืนเงินที่ไร้กำหนด
บทความนี้จะเป็นคู่มือให้ความรู้เรื่องสิทธิของผู้บริโภค และจะช่วยให้เข้าใจว่าในการดำเนินการขอรับเงินคืนตามขั้นตอนต้องทำอย่างไร ผ่านช่องทางใดได้บ้าง
นิยาม
- “คอนเสิร์ต” ความหมายตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 หมายถึง การแสดงดนตรีต่อหน้าผู้ชม โดยกำหนดรายการแสดงที่แน่นอนมักมีผู้แสดงหลายคน ทั้งนี้ไม่รวมถึงการแสดงดนตรีประกอบพิธีทางศาสนาหรือการแสดงบนเวที
- “ผู้บริโภค” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 คือ ผู้ซื้อหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงผู้ที่ได้รับการเสนอหรือชักชวนให้ซื้อบริการนั้น ๆ ด้วย
ดังนั้น ผู้ซื้อบัตรคอนเสิร์ตจึงอยู่ในฐานะ "ผู้บริโภค" โดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย
เพราะได้มีการเสียค่าตอบแทนเป็นตัวเงินให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเพื่อทำให้ได้มาซึ่งตั๋วคอนเสิร์ต โดยเป็นหลักฐานว่าผู้ถือบัตรมีสิทธิเข้าชมคอนเสิร์ต ส่งผลให้ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายตามมาด้วย
- "ผู้ประกอบธุรกิจ" ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 คือ ผู้ขาย ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายหรือผู้ซื้อเพื่อขายต่อซึ่งสินค้า หรือผู้ให้บริการ และหมายความรวมถึงผู้ประกอบกิจการโฆษณาด้วย
ดังนั้น สถานะของผู้จัดคอนเสิร์ต คือ ผู้ที่ได้รับเงินจากการเปิดจำหน่ายบัตรและต้องส่งมอบบริการโดยการจัดงานคอนเสิร์ตให้แก่ผู้บริโภค แต่เมื่อไม่สามารถทำได้ผู้จัดจึงภาระหน้าที่ตามกฎหมายและต้องรับผิดชอบในการชดใช้คืนเงินค่าบัตรคอนเสิร์ตให้แก่ผู้บริโภค
"สัญญาผู้บริโภค"
คือ สัญญาที่ทำขึ้นระหว่าง ผู้ประกอบธุรกิจ กับ ผู้บริโภค เพื่อจัดหาสินค้าหรือบริการโดยมีค่าตอบแทน และมีลักษณะแตกต่างจากสัญญาทางแพ่งทั่วไป โดยเป็นสัญญาที่ ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมระหว่างคู่สัญญา แต่ทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรจากธุรกิจการค้าหรือการให้บริการนั้นๆ
ดังนั้น การที่ผู้ซื้อบัตรคอนเสิร์ตซึ่งอยู่ในฐานะผู้บริโภค ได้ชำระเงินเป็นค่าตอบแทนให้กับผู้จัดซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อแลกกับการรับชมการแสดง จึงถือเป็น 'สัญญาผู้บริโภค'โดยสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
📖 อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:
สิทธิของผู้บริโภค

สิทธิของผู้บริโภคมี 5 ประการ (ตามมาตรา 4 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 )
1. สิทธิที่จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ (Right to Information)
คือ สิทธินี้รับรองว่าผู้บริโภคจะต้องได้รับข้อมูลที่ ถูกต้อง ครบถ้วน เพียงพอ และเป็นจริง เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อและการใช้บริการอย่างเป็นธรรม เพราะข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการนั้น ผู้บริโภคอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบทางข้อมูลเมื่อเทียบกับผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งข้อสัญญาทางธุรกิจมักเข้าใจได้ยาก
ฉะนั้น ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ต้องให้ข้อมูลแก่ฝ่ายที่เสียเปรียบ ตั้งแต่ขั้นตอนการเสนอขายจนถึงหลังการทำสัญญา เพื่อให้การตกลงทำสัญญาเกิดจากการตัดสินใจอย่างแท้จริง ทำให้ผู้บริโภคเลือกและตกลงทำสัญญาได้อย่างถูกต้อง รวมถึงหลังการทำสัญญาจะต้องให้ข้อมูลการใช้งานสินค้าหรือบริการและการให้สัญญาประกันการใช้สินค้าหรือบริการด้วย
โดยสิทธินี้แตกต่างจากหลักความสำคัญผิดตามกฎหมายสัญญาแพ่งทั่วไป เพราะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กำหนดหน้าที่ให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องให้ข้อมูลเป็นการเฉพาะ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค เช่น การคุ้มครองการโฆษณาที่เป็นเท็จ
ในความเกี่ยวข้องกับการยกเลิกคอนเสิร์ต สิทธิข้อนี้อาจถูกละเมิดเมื่อผู้จัดงาน
- ไม่แจ้งรายละเอียดข้อมูลการยกเลิก คือ ผู้จัดไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ หรือให้ข้อมูลที่คลุมเครือเกี่ยวกับเหตุผลของการยกเลิก และไม่แจ้งวันและเวลาในการดำเนินการคืนเงิน
- ปกปิดเงื่อนไขการคืนเงิน คือ ผู้จัดไม่ได้แจ้งขั้นตอนการขอรับเงินคืน หรือแจ้งเงื่อนไขที่ซับซ้อนยุ่งยากอย่างชัดเจนแต่แรก ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถใช้สิทธิได้อย่างถูกต้อง
- ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง คือ ผู้จัดอาจเคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการแสดง วันที่ หรือสถานที่ ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อโดยเข้าใจผิด
ดังนั้น ผู้จัดงานคอนเสิร์ตจึงมีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง หากกรณีเกิดการยกเลิกคอนเสิร์ตต้องแจ้งขั้นตอนการขอเงินคืนและแนวทางการเยียวยา อย่างโปร่งใสภายในระยะเวลาที่รวดเร็วและเหมาะสมให้มากที่สุด
⭐️ ปรึกษาทนายเบื้องต้นฟรี ง่ายๆผ่านทาง Free Q&A โดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวตน
2. สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ (Right to Freedom of Choice)
คือ สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการตามความสมัครใจของผู้บริโภค โดยปราศจากการบังคับ การจำกัด หรือการชักจูงอันไม่เป็นธรรมจากผู้ประกอบธุรกิจ ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะเลือกซื้อหรือปฏิเสธได้ และการกระทำใด ๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการตัดสินใจน้อยลง หรืออยู่ภายใต้สภาพบังคับให้ต้องซื้อหรือรับบริการบางอย่าง ก็ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธินี้
ในความเกี่ยวข้องกับการยกเลิกคอนเสิร์ต สิทธินี้ถูกละเมิดอย่างชัดเจนเมื่อผู้จัดงาน
- จำกัดทางเลือกในการเยียวยา ผู้จัดเสนอเพียงทางเลือกอื่น เช่น บัตรเข้าชมวันใหม่ หรือเครดิต แต่ปฏิเสธที่จะคืนเงินให้แก่ผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคไม่มีอิสระในการใช้เงินของตนเอง
- บังคับยอมรับข้อเสนอ ผู้จัดพยายามทำให้ผู้บริโภคต้องรับทางเลือกที่เสนอเท่านั้น เช่น หากไม่รับบัตรวันใหม่จะถือว่าสละสิทธิ์ในการเรียกร้องเงินคืน ซึ่งเป็นการจำกัดอิสระในการเลือกรับการชดเชยอย่างไม่เป็นธรรม
3. สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ (Right to Safety)
คือ สิทธิที่รับรองว่าผู้บริโภคต้องได้รับความปลอดภัยจากการจำหน่ายสินค้าหรือการเข้ารับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ ปราศจากอันตรายใด ๆ อันอาจเกิดขึ้นแก่ชีวิต ร่างกาย สุขภาพ อนามัย จิตใจ หรือทรัพย์สิน โดยสินค้าหรือบริการนั้นต้องมีมาตรฐานมีคุณภาพมีความเหมาะสมแก่ประโยชน์การใช้สอย ไม่มีความชำรุดหรือบกพร่อง หากผู้ประกอบธุรกิจมีความบกพร่องในการเตือนหรือให้ข้อมูลไม่ถูกต้องตามสมควร หรือให้ข้อมูลไม่ละเอียดชัดเจนเพียงพอในสินค้าหรือบริการจนทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย ผู้บริโภคย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
ในกรณีการยกเลิกงาน
การตัดสินใจที่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เข้าชมเป็นอันดับแรกถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามสิทธินี้ แต่หากผู้จัดบกพร่องจนเกิดความเสียหายขึ้น สิทธินี้จะถูกนำมาใช้เพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบได้ แม้สิทธิข้อนี้จะมักเกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคบริโภคโดยตรง แต่ก็ยังคงมีความสำคัญในสถานการณ์คอนเสิร์ต คือ
- การยกเลิกเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง หากการยกเลิกคอนเสิร์ตเกิดจากปัญหาที่ผู้จัดประเมินแล้วว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้เข้าชม เช่น โครงสร้างเวทีไม่ปลอดภัย มีความเสี่ยงด้านสุขภาพอนามัยที่ร้ายแรง การยกเลิกงานจึงถือเป็นการใช้มาตรการเพื่อรักษาความปลอดภัย ให้แก่ผู้บริโภคตามสิทธินี้
- การเตือนหรือข้อมูลที่ไม่ชัดเจน หากผู้จัดมีความบกพร่องในการเตือนหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ชัดเจนตามสมควร เช่น ไม่แจ้งความเสี่ยงด้านสุขภาพจนทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย สิทธินี้จะถูกนำมาใช้เรียกร้องการเยียวยาได้
💬 อ่านคำปรึกษากฎหมายและคำตอบจากทนาย (Q&A)
- Q: การบังคับคดีมีค่าใช้จ่ายไหม? ในคดีผู้บริโภคขึ้นศาลออนไลน์
- Q: โดนฟ้องคดีเเพ่ง ผู้บริโภค
- Q: ได้รับหมายเรียกสำเนาคำฟ้องจากศาลคดีผู้บริโภค
4. สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา (Right to Fairness)
สิทธินี้รับรองว่า ผู้บริโภคจะต้องไม่ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจในการทำสัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออำนาจต่อรองของผู้บริโภคด้อยกว่า และไม่มีโอกาสแก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื้อหาหรือเงื่อนไขของสัญญา แม้ว่าในการทำสัญญาจะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจตามหลักเสรีภาพในการแสดงเจตนา ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายแสดงเจตนาสอดคล้องต้องกันแล้วสัญญาก็จะเกิดขึ้นมีผลผูกพันตามกฎหมายให้คู่กรณีต้องปฏิบัติตาม แต่ผู้บริโภคเป็นคู่สัญญาฝ่ายที่เสียเปรียบกว่า จึงสมควรได้รับความคุ้มครองมากกว่าเพื่อความเป็นธรรม
ในความเกี่ยวข้องกับการยกเลิกคอนเสิร์ต
สิทธินี้มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้จัดงานใช้ข้ออ้างหรือเงื่อนไขในสัญญาเพื่อหลีกเลี่ยงภาระหน้าที่ในการคืนเงิน หรือทำให้กระบวนการคืนเงินเป็นไปอย่างไม่ยุติธรรม แต่สิทธินี้อาจถูกละเมิดในสถานการณ์ที่งานถูกยกเลิก และผู้จัดงานใช้สถานะที่เหนือกว่าในการกำหนดเงื่อนไขที่ไม่ยุติธรรมต่อผู้ซื้อบัตร เช่น
- การประวิงเวลาคืนเงิน คือ ผู้จัดคืนเงินล่าช้าเกินกว่าเหตุ โดยไม่มีการชี้แจงกรอบเวลาที่ชัดเจน หรือกำหนดระยะเวลาการคืนเงินที่ยาวนานเกินสมควร ถือเป็นการเก็บเงินของผู้บริโภคไปใช้โดยไม่เป็นธรรม
- การกำหนดเงื่อนไขที่ซับซ้อน คือ การกำหนดขั้นตอนการขอคืนเงินที่ยุ่งยากซับซ้อน หรือต้องใช้เอกสารมากเกินความจำเป็นเพื่อกีดกันไม่ให้ผู้บริโภคได้รับเงินคืนได้โดยง่าย
- การหักค่าธรรมเนียม คือ ผู้จัดหักค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ จากเงินค่าบัตรที่ควรได้รับคืนเต็มจำนวน ซึ่งเป็นการผลักภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการผิดสัญญาของผู้จัดมาให้ผู้บริโภค
5. สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย (Right to heard and Right to Remedy)
สิทธินี้มีความสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภค ซึ่งแบ่งเป็นสองส่วนหลัก คือ
- สิทธิที่จะได้รับการพิจารณา คือ ผู้บริโภคสามารถ โต้แย้ง คัดค้าน ข้อกำหนดหรือการดำเนินการของผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการได้ และมีสิทธิที่จะนำเรื่องเข้าสู่การ พิจารณาขององค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้อง
- สิทธิการได้รับการชดเชยความเสียหาย คือ สิทธิที่มีเหตุสืบเนื่องมาจากการที่ผู้บริโภคเกิดความเสียหายจากการกระทำ หรือการละเลยความรับผิดชอบของผู้ประกอบธุรกิจ จึงกำหนดให้ผู้บริโภคต้องได้รับการ เยียวยาและชดเชยความเสียหาย จากสินค้าหรือบริการที่ได้รับผลกระทบ
ความเกี่ยวข้องกับการยกเลิกคอนเสิร์ต
สิทธิทั้งสองนี้ คือขั้นตอนสุดท้ายที่ผู้บริโภคใช้ในการดำเนินการกับผู้จัดงานที่ปฏิเสธความรับผิดชอบ คือ
- กรณีถูกปฏิเสธเงินคืน ผู้บริโภคสามารถใช้สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาในการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้หน่วยงานเหล่านั้นพิจารณาข้อพิพาทและมีคำสั่งให้ผู้จัดดำเนินการคืนเงิน
- การเรียกร้องค่าเสียหายที่ชัดเจน สิทธินี้รับรองว่าผู้บริโภคต้องได้รับการเยียวยา นั่นคือ การคืนเงินค่าบัตรเต็มจำนวน หากผู้จัดปฏิเสธที่จะคืนเงินผู้บริโภคสามารถใช้สิทธินี้เพื่อบังคับให้ผู้จัดรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
💬 อ่านคำปรึกษากฎหมายและคำตอบจากทนาย (Q&A)
แนวทางการขอเคลมเงินคืน

เมื่อผู้จัดงานประกาศยกเลิกงานและหากต้องการเงินคืน ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบเพื่อเรียกร้องเงินคืนอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม โดยแบ่งออกเป็นขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 จัดเตรียมรวบรวมหลักฐานที่สำคัญ
การเรียกร้องสิทธิของผู้บริโภคจะต้องอาศัยหลักฐานที่แสดงถึงการทำสัญญาและความเสียหาย หากหลักฐานไม่ครบถ้วน อาจทำให้การดำเนินการล่าช้าหรือไม่สำเร็จ โดยหลักฐานที่ต้องมี คือ
- หลักฐานการซื้อบัตรคอนเสิร์ต เช่น บัตรการแสดงคอนเสิร์ต กรณียังไม่มีบัตรคอนเสิร์ตให้ใช้ใบยืนยันคำสั่งซื้อ ใบเสร็จรับเงิน ข้อความทางแชท SMS หรืออีเมลยืนยันการชำระเงิน รวมถึง Reserve ID เลขที่ออเดอร์หลักที่ใช้ในการยืนยันว่าได้ชำระเงินและมีสิทธิในบัตรนั้น
- หลักฐานการชำระเงิน เช่น สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารกรณีชำระเงินสด หรือหลักฐานบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่ใช้ชำระเงิน สลิปการโอนเงิน
- ประกาศการยกเลิก เช่น ประกาศทางอีเมลหรือทางข้อความจากผู้จัดงานหรือผู้จำหน่ายบัตร ที่ระบุถึงการยกเลิกงานและแนวทางการคืนเงิน
- หลักฐานอื่น ๆ เช่น สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของผู้ซื้อบัตร โดยเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง หลักฐานการติดต่อภาพถ่ายหน้าจอ หรืออีเมลที่เคยติดต่อผู้จัดงานเพื่อสอบถามเรื่องการคืนเงิน
ขั้นตอนที่ 2 ติดต่อผู้จัดอย่างเป็นทางการเพื่อแจ้งความประสงค์
เมื่อรวบรวมและตรวจทานหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ให้ติดต่อผู้จัดงานเพื่อดำเนินการขอเงินคืน โดยตรวจสอบช่องทางของผู้จัดงาน เช่น เข้าไปที่เว็บไซต์หลักของผู้จัดงานหรือผู้จำหน่ายบัตร เพื่อตรวจสอบช่องทางการขอคืนเงินที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นการกรอกฟอร์มออนไลน์ หรือการติดต่อที่เคาน์เตอร์บริการ จากนั้นกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและถูกต้อง แล้วยื่นเอกสารและข้อมูลตามที่ผู้จัดร้องขอ
กรณีผู้จัดที่ยกเลิกงานไม่ยอมรับผิดชอบ ผู้บริโภคมีสิทธิในการบอกเลิกสัญญาและขอเงินคืน โดยทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรส่งไปรษณีย์ตอบรับไปยังผู้จัดและตัวแทนจำหน่าย
ขั้นตอนที่ 3 ติดตามผลการดำเนินการ
เมื่อยื่นคำขอคืนเงินแล้วหน้าที่ของผู้บริโภคยังไม่สิ้นสุด ไม่ควรปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป การติดตามผลอย่างจริงจังจะช่วยป้องกันไม่ให้เรื่องถูกละเลยและเป็นหลักฐานสำคัญในการร้องเรียนขั้นต่อไป โดยผู้บริโภคต้องปฏิบัติ ดังนี้
- ตรวจสอบสถานะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทบทวนตรวจสอบที่ผู้จัดได้แจ้งไว้สำหรับการคืนเงินให้ชัดเจน ไม่ว่าช่องทางใด หากใช้ระบบออนไลน์ หากผู้จัดมีระบบให้ตรวจสอบสถานการณ์คืนเงิน ให้เข้าตรวจสอบเป็นระยะเพื่อดูว่าคำขออยู่ในขั้นตอนใด เช่น อยู่ระหว่างการดำเนินการ รออนุมัติ หรืออนุมัติแล้ว
- การเก็บหลักฐานการอนุมัติ หากระบบแจ้งว่าอนุมัติการคืนเงินแล้ว ให้บันทึกเก็บไว้เป็นหลักฐานสำคัญยืนยันว่าผู้จัดยอมรับการคืนเงินแล้ว
- การติดต่อติดตามผลเมื่อเลยกำหนด หากครบกำหนดเวลาที่ผู้จัดแจ้งไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินคืน หรือได้รับแจ้งความล่าช้าโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน ให้เริ่มติดต่อผู้จัดซ้ำทันที โดยช่องทางการติดต่อ ควรเลือกช่องทางการติดต่อที่สามารถ เก็บหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรได้ เช่น อีเมล ระบบแชทที่มีการบันทึกข้อความ มากกว่าการติดต่อทางโทรศัพท์
⭐️ ปรึกษาทนายเบื้องต้นฟรี ง่ายๆผ่านทาง Free Q&A โดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวตน
แนวทางการร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หากพ้นกำหนดเวลาที่ผู้จัดงานได้แจ้งไว้ หรือพ้นกำหนดตามกรอบเวลาที่มีการตกลงกันระหว่างผู้จัดงานและผู้บริโภคแต่ยังไม่ได้รับเงินคืน หรือผู้จัดบ่ายเบี่ยงการคืนเงิน หรือเหตุอื่นใดที่รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับตน ผู้บริโภคสามารถใช้สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหายเพื่อร้องเรียนต่อหน่วยงานคุ้มครองสิทธิได้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมี ดังนี้
1. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
เป็นหน่วยงานหลักของรัฐที่ดูแลการคุ้มครองผู้บริโภคโดยตรง ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนไปที่สำนักงานได้โดยตรงหรือติดต่อผ่านช่องทาง ดังนี้
- โทรสายด่วน : 1166 ในวันและเวลาทำการ
- Line : @ocpbconnect
- หรือติดต่อส่วนภูมิภาค : ศาลากลางทุกจังหวัด
- เว็บไซต์ : ระบบร้องทุกข์ออนไลน์ https://complaint.ocpb.go.th/
2. สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค)
เป็นองค์กรภาคประชาชนที่พร้อมให้คำแนะนำและช่วยเหลือทางกฎหมายในการรวมกลุ่มผู้เสียหายเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
- สายด่วน : 1502 ในวันและเวลาทำการ
- Line : @tccthailand
- เว็บไซต์ : ระบบร้องเรียนออนไลน์ https://www.tcc.or.th/tcc-agency/
- หรือติดต่อสภาผู้บริโภคประจำจังหวัด 19 แห่งทั่วประเทศ
การฟ้องร้องคดีผู้บริโภคต่อศาล
การฟ้องศาลเป็นช่องทางที่ให้ผลทางกฎหมายที่ชัดเจนที่สุด โดยผู้บริโภคสามารถเลือกใช้กระบวนการ คดีผู้บริโภค ซึ่งถูกออกแบบมาให้เรียบง่าย รวดเร็วกว่าคดีแพ่งทั่วไป และเป็นมิตรต่อประชาชน ผู้บริโภคสามารถดำเนินคดีได้ด้วยตนเองไม่ต้องใช้ทนายความ และสามารถรวมกันเพื่อดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ โดยยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรม เช่น ศาลแขวง หรือศาลจังหวัดในเขตที่ผู้บริโภคมีภูมิลำเนา หรือเขตที่ผู้จัดมีสำนักงานตั้งอยู่
การฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคศาลจะให้ความสำคัญกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้อง
เพื่อให้คู่ความสามารถตกลงกันได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายของทั้งสองฝ่าย หากตกลงกันไม่ได้ศาลจะยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฟ้อง ทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี
💬 อ่านคำปรึกษากฎหมายและคำตอบจากทนาย (Q&A)
- Q: จะสู้คดีหรือจะไกล่เกลี่ยหลังจากได้รับ หมายศาล
- Q: อนุญาตปรึกษาเรื่องไม่ได้ไปไกล่เกลี่ยตามนัดของศาล
- Q: การเตรียมตัวขึ้นศาลแพ่ง นัดไกล่เกลี่ย
นอกจากนี้ การฟ้องศาลทำให้สามารถเรียกร้องค่าเสียหายตามจริง คือผู้บริโภคสามารถเรียกร้องเงินค่าบัตรคืนเต็มจำนวน พร้อมดอกเบี้ยหากมีการประวิงเวลา และสามารถเรียกร้องค่าเสียหายอื่น ๆ ที่พิสูจน์ได้ว่าเกิดขึ้นโดยตรงจากการยกเลิกงาน เช่น ค่าที่พักหรือค่าเดินทางที่พิสูจน์ได้ว่าไม่สามารถขอคืนจากแหล่งอื่นได้จริง ถือเป็นค่าเสียหายอื่นนอกเหนือจากค่าบัตร มากไปกว่านั้นหากจัดงานมีพฤติกรรมจงใจเอาเปรียบ หรือ เพิกเฉยต่อความรับผิดชอบอย่างร้ายแรงและต่อเนื่อง ศาลอาจมีคำสั่งให้ผู้จัดต้องจ่าย ค่าเสียหายเชิงลงโทษ ให้แก่ผู้บริโภคเพิ่มเติมจากค่าเสียหายจริง เพื่อเป็นบทลงโทษและป้องปรามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นกระทำพฤติกรรมเช่นนี้อีก
📢 อย่างไรก็ดีก่อนการตัดสินใจฟ้องศาล ควรขอคำปรึกษาจากสภาองค์กรของผู้บริโภค หรือทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านคดีผู้บริโภค เพื่อให้การเตรียมเอกสารและการยื่นฟ้องเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ








