
สิ่งที่ควรรู้ เมื่อโดนหมายเรียกคดีอาญา-ยาเสพติด

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ว่า ปวงชนชาวไทยย่อมมีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ เรื่องการค้น การจับ การฝากขัง การออกหมายเรียก การออกหมายจับ การสอบสวน และสิทธิของผู้ถูกจับ ผู้ต้องหา ต้องเป็นไปตามหลักการด้านสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรม และตามกฎหมาย
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยได้ยินยอมผูกพันตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนหลายฉบับ โดยเฉพาะกติการะหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ได้มีหลักการเกี่ยวกับการประกันความเสมอภาคของมนุษย์ เช่น ห้ามไม่ให้มีการกระทำโดยทารุณโหดร้าย ห้ามจับกุมขังบุคคลโดยพลการ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยก็มีการดำเนินการเกี่ยวกับสิทธิของผู้ต้องหา ผู้ถูกจับ จำเลย หรือผู้เสียหาย ตามที่ได้มีการบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ดังนั้น การที่บุคคลถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกให้ไปพบ โดยเฉพาะในกรณีพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกในคดีอาญาให้ไปพบ ต้องเตรียมตัวยังไง และมีสิทธิอะไรบ้างในบทความนี้มีคำตอบครับ
ความหมายของ “หมายเรียก”
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 52 บัญญัติไว้ว่า การที่จะให้บุคคลใดมาที่พนักงานสอบสวน พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือมาศาล เพื่อการสอบสวน การไต่สวนมูลฟ้อง หรือการพิจารณาคดี จะต้องมี "หมายเรียก"
หมายเรียก จึงหมายถึง หนังสือที่กฎหมายให้อำนาจพนักงานสอบสวนสั่งให้บุคคลมาพบ
ดังนั้น การออกหมายเรียกคดีอาญาจึงหมายถึง การที่พนักงานสอบสวนเรียก ผู้ต้องหา หรือพยานมาพบ เพื่อประโยชน์ในการสอบสวนคดีอาญา นั้นเอง
ผู้ต้องหา กับ พยาน ต่างกันอย่างไร
- ผู้ต้องหา หมายถึง บุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิด แต่ยังไม่ได้ถูกฟ้องต่อศาล เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยที่รอการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน
- พยาน หมายถึง พยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ ซึ่งในกรณีพยานบุคคล อาจเป็นได้ทั้งผู้ต้องหาในคดีอาญาหรือเป็นเพียงผู้รู้เห็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดี ซึ่งเป็นประโยชน์ในการพิสูจน์ของพนักงานสอบสวน
📖 อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- ทำอย่างไรเมื่อถูกตำรวจ ออกหมายเรียก ?
- ได้รับหมายเรียก ควรอ่านบทความนี้ให้จบ!
- ต่างกันอย่างไร? สิทธิของผู้ถูกออกหมายหมายเรียกคืออะไร?
ลักษณะของหมายเรียกคดีอาญา

เมื่อท่านตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา พนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการออกหมายเรียกให้ท่านไปพบตามวันและเวลาที่กำหนด โดยท่านต้องทำการตรวจสอบหมายเรียกนั้นก่อน ซึ่งมีรายละเอียดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 52 ดังนี้
- สถานที่ออกหมาย หมายถึง สถานที่ปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวน เช่น สถานีตำรวจภูธรเกาะสมุย
- วัน เดือน ปี ที่ออกหมาย หมายถึง วันที่ทำหนังสือออกหมายเรียก เช่น 19มกราคม 2568
- ชื่อและตำบลที่อยู่ของบุคคลที่ออกหมายเรียกให้มา หมายถึง ชื่อ อายุ เลขบัตรประชาชน ที่อยู่
- เหตุที่ต้องเรียกบุคคลนั้นมา หมายถึง พนักงานสอบสวนจะระบุว่าเรียกท่านไปพบด้วยเหตุอะไร เช่น ขอสอบสวนปากคำท่านในฐานะพยาน หรือผู้ต้องหา
- สถานที่ วัน เดือน ปี และเวลาที่จะให้ผู้นั้นไปถึง หมายถึง วันและเวลาที่ท่านต้องไปพบพนักงานสอบสวน
- ลายมือชื่อ และตำแหน่งผู้ออกหมาย หมายถึง ลายมือชื่อและตำแหน่งพนักงานสอบสวน
การส่งหมายเรียก
อย่างไรก็ตาม การส่งหมายเรียกของพนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยอนุโลม ดังนี้
1. การส่งหมายเรียกให้ผู้ต้องหา
ให้ส่งกับตัวผู้ต้องหา หรือสามี ภริยา ญาติ หรือผู้ปกครองของผู้ต้องหา
2. การส่งหมายเรียกให้กับพยาน
ให้ส่งกับตัวพยาน หรือตัวแทน หรือบุคคลซึ่งมีอายุเกิน 20 ปี ซึ่งอยู่ในสำนักงานหรือบ้านของผู้ถูกเรียก
3. กรณีผู้ถูกเรียกอยู่ต่างท้องที่ที่ออกหมาย
ให้ส่งไปยังพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจซึ่งผู้ถูกเรียกอยู่ในท้องที่ เพื่อสลักหลังหมายแล้วส่งต่อ
⭐️ ปรึกษาทนายเบื้องต้นฟรี ง่ายๆผ่านทาง Free Q&A ของ Legardy โดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวตน
การไปตามหมายเรียกครั้งแรกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา มีโอกาสที่จะโดนจับน้อยหากเราไปตามหมายเรียก อย่างไรก็ดีการไม่ไปตามหมายเรียกอาจเพิ่มโอกาสในการถูกจับในขั้นตอนต่อๆไป
ผลของการขัดหมายเรียก
1. กรณีหมายเรียกผู้ต้องหา: ถ้าผู้ถูกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มาตามหมายเรียก
อาจเป็นเหตุให้ถูกจับ โดยการออกหมายจับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66
คำพิพากษาฎีกาที่ 1140/2481 ข้อหาขัดหมายเรียกพนักงานสอบสวน ไม่มีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน เพราะมีโทษคือออกหมายจับแล้ว
2. กรณีหมายเรีกยพยาน: ถ้าผู้ถูกหมายเรียกเป็นพยาน ไม่มาตามหมายเรียก
อาจมีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 168 มาตรา 170 และ มาตรา 368
คำพิพากษาฎีกาที่ 1783/2493 พยานที่ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน ย่อมมีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
📢 หากได้รับหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา แต่ไม่รู้จะเตรียมตัวอย่างไร รับคำแนะนำจากทนายบนเว็บไซต์ได้ทันที
การเตรียมตัวไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก

1. ผู้เขียนแนะนำให้ท่านโทรศัพท์สอบถามพนักงานสอบสวนเพื่อทราบรายละเอียดเบื้องต้น เกี่ยวกับหมายเรียกคดีอาญา หมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา เช่น ท่านตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาหรือพยาน และข้อกล่าวหามีที่มาที่ไปเบื้องต้นอย่างไร ซึ่งโดยปกติในหมายเรียกจะมีเบอร์โทรศัพท์ของพนักงานสอบสวนแจ้งให้ท่านทราบ
2. หากไม่สามารถไปตามหมายเรียกได้ ให้รีบแจ้งโทรศัพท์แจ้งพนักงานสอบสวนด้วยวาจาเพื่อแจ้งเหตุการณ์ขอเลื่อนพบตามหมายเรียก จากนั้นให้ส่งหนังสือแจ้งให้ทราบเป็นทางการ และติดตามผลด้วยว่าเป็นอย่างไร
3. เพื่อป้องกันภัยมิจฉาชีพ ให้นึกไว้เสมอว่าหมายเรียกในคดีอาญา คือการที่ท่านต้องไปพบพนักงานสอบสวน ณ สถานที่ออกหมายเรียก ดังนั้น พนักงานสอบสวนจะไม่มีการสอบสวนออนไลน์ รวมถึงไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย และไม่มีการส่งคิวอาร์โค้ดให้ท่านสแกน หรือส่งลิงก์ ใดๆ ให้ท่านกดทั้งสิ้น
อย่างไรก็ดีหากท่านไม่แน่ใจว่าหมายเรียกเป็นเอกสารที่แท้จริงหรือไม่ ให้ท่านโทรศัพท์สอบถามไปยังสถานีตำรวจที่ออกหมายได้ เช่นเดียวกัน
4. ให้ท่านเตรียมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ วัน เวลา สถานที่เกิดเหตุตามที่ท่านทราบ และไม่ควรแก้ไข เพิ่มเติมเรื่องราวใด ๆ ทั้งสิ้น รวมถึงพยานหลักฐานต่าง ๆ ถ้าท่านมีก็เตรียมไปด้วย
ทั้งนี้ หากท่านไม่มั่นใจที่จะดำเนินการด้วยตนเอง ผู้เขียนแนะนำให้ปรึกษาทนายความก่อนครับ
📢 หากคุณกำลังมองหา คำแนะนำเมื่อได้รับหมายเรียก หรือต้องการปรึกษาปัญหากฎหมายอื่นๆ ติดต่อทนาย กว่า 700 คนทั่วประเทศผ่านเว็บไซต์ได้เลย
สิทธิของผู้ได้รับหมายเรียกคดีอาญา
1. สิทธิของผู้ต้องหา
จะเห็นได้ว่าผู้ต้องหาหมายถึงบุคคลที่ยังไม่ได้ถูกฟ้องต่อศาล แต่เป็นบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด
ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่รับเรื่องแล้วก็ต้องมีการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ ผิดหรือถูก กันต่อไปดังนั้น ผู้ต้องหาจึงมีสิทธิทราบว่ากระทำผิดอย่างไร เรื่องอะไร ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 7/1 และมาตรา 83 มีดังนี้
- พบและปรึกษาผู้ซึ่งจะเป็นทนายความเป็นการเฉพาะตัว
- ให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคำตนได้ ในชั้นสอบสวน
- ได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร
- ได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดเหตุเจ็บป่วย
คำพิพากษาฎีกาที่ 6635/2551 การที่จำเลยเข้าหาพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้ทราบ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกจับ
2. สิทธิผู้ต้องหาที่จะได้รับการแจ้งข้อหาก่อนทำการสอบสวน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 มาตรา 134/1 มาตรา 134/2 มาตรา134/3 มาตรา 134/4 และมาตรา 135 มีดังนี้
- ให้ถามชื่อตัว ชื่อรอง ชื่อสกุล สัญชาติ บิดา มารดา
- อายุ อาชีพ ที่อยู่ ที่เกิด
- แจ้งให้ทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำที่กล่าวหาว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิด
- แจ้งข้อหาให้ทราบ พร้อมแจ้งหลักฐานตามสมควร
- ได้รับการสอบสวน ด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง เป็นธรรม
- แก้ข้อหาและแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์กับตนได้
- สิทธิให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้ารับฟังการสอบปากคำ
- กรณีผู้ต้องหาเป็นเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ให้มีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์หรือพนักงานอัยการ เข้าร่วมด้วย
- สิทธิที่จะให้การหรือไม่ก็ได้ ถ้อยคำที่ให้การนั้นอาจใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีได้
- สิทธิที่จะให้การด้วยความสมัครใจ คำพิพากษาฎีกาที่ 1341/2509 เมื่อจำเลยตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหา ในชั้นสอบสวนห้ามมิให้บังคับให้ผู้ต้องหาให้ถ้อยคำใด ๆ
- มีทนายความโดยรัฐจัดหาให้ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือในคดีที่ผู้ต้องหามีอายุไม่เกิน 18 ปี
- สิทธิในการมีทนายความโดยรัฐจัดหาให้ ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต
คำพิพากษาฎีกาที่ 1130/2553
คดีที่มีโทษประหารชีวิต อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134/1 เป็นสิทธิเด็ดขาดของผู้ต้องหาที่จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐในการจัดหาทนายความให้ เมื่อผู้ต้องหาไม่มีทนายความ เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต้องหาทนายความให้กับผู้ต้องหา
📖 อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
3. สิทธิของพยาน
ในที่นี้ผู้เขียนขอกล่าวถึงพยานบุคคล ซึ่งไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่หมายถึง บุคคลที่สามารถเข้าใจและตอบคำถามได้ เป็นผู้ที่ได้เห็นได้ยิน หรือทราบข้อความเกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็นพยานนั้นมาด้วยตนเองโดยตรง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ซึ่งให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95 มาใช้
ดังนั้น พยานที่ได้รับหมายเรียกในคดีอาญาอาจอยู่ฝ่ายเดียวกับผู้ต้องหา หรือฝ่ายเดียวกับผู้กล่าวหาก็ได้
โดยสิทธิของพยานที่สำคัญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 133 ทวิ มีดังนี้
- กรณีพยานเป็นเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ หรือความผิดอื่น ๆ ที่กฎหมายกำหนด สามารถร้องขอให้มีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์หรือพนักงานอัยการหรือบุคคลที่เด็กร้องขอเข้าร่วมด้วยในการสอบสวนได้
- ในกรณีมีความจำเป็นต้องจัดให้พยานยืนยันตัวผู้กระทำความผิด พนักงานสอบสวนต้องจัดในสถานที่ที่เหมาะสม
ทั้งนี้ พยานมีหน้าที่ต้องให้การในเรื่องที่รู้เห็นตามความเป็นจริง หากให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ตนรู้เห็น อาจมีความผิดในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวนได้
อย่างไรก็ตาม ได้มีพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 ซึ่งมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการรับรองสิทธิพยานในคดีอาญา เช่น คดียาเสพติด คดีฟอกเงิน คดีทุจริต คดีที่มีโทษหนัก คดีทางเพศ คดีอาชญากรรมข้ามชาติ ดังนี้
- อารักขาคุ้มครองความปลอดภัย
- จัดให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัย
- ปกปิดข้อมูลที่สามารถระบุตัวพยานได้
- ได้รับค่าเลี้ยงชีพ หรือค่าตอบแทน
🔎หาคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ผ่านทางระบบ ค้นหาฎีกา ของ Legardy
คดีเกี่ยวกับยาเสพติด

คดียาเสพติดถือว่าเป็นคดีที่มีสถิติการปราบปรามผู้กระทำความผิดโดยพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นจำนวนมาก ซึ่งบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดไม่ว่าจะอยู่ในฐานะผู้ต้องหาหรือพยาน ก็อาจจำต้องเกี่ยวข้องกับหมายเรียก หมายค้น หมายจับ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประกอบกับในปัจจุบัน ได้มีประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งมีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2565 เป็นต้นมา มีผลให้กฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดที่มีอยู่หลายฉบับได้ถูกยกเลิกไป ดังนั้น ในบทความนี้จึงขออธิบายสาระสำคัญของประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่น่าสนใจ ดังนี้
⚖️ อ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: กฎหมายยาเสพติด
สาระสำคัญของประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่
1. นิยาม คำว่า จำหน่าย
หมายถึง ต้องมีสิ่งตอบแทนหรือผลประโยชน์อย่างอื่น ถ้าให้กันฟรี ๆ ไม่ถือว่าเป็นการจำหน่าย และคำว่า จำหน่าย ให้รวมถึงการมีไว้เพื่อจำหน่ายด้วย
2. มีข้อสันนิษฐานใหม่ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลย
คือ มีไว้ในปริมาณเล็กน้อยไม่เกินที่กำหนดในกระทรวงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ครอบครองเพื่อเสพ
3. การมีไว้ครอบครองเพื่อเสพและเสพ
ไม่ถือเป็นความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดแต่ให้ถือเป็นผู้ป่วย ต้องใช้วิธีการบำบัดแทนการลงโทษเป็นหลัก
4. กรณีรู้ตัวว่าติดยาเสพติด
และสมัครใจเข้ารับการบำบัดในสถานพยาบาลก่อนถูกจับกุม เมื่อบำบัดเสร็จจนได้หนังสือรับรองจะถือว่าไม่มีความผิด
5. การให้ข้อมูลที่สำคัญต่อเจ้าพนักงานผู้จับกุมหรือพนักงานสอบสวนในคดี
ศาลลงโทษน้อยลงได้ โดยระหว่างพิจารณาคดีจำเลยอาจยื่นคำร้องต่อศาลเองได้
6. เปลี่ยนนิยามคำว่า ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
คือ ความผิดเกี่ยวกับการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติด การสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ หรือพยายามกระทำความผิด เป็นความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด
7. ความผิดซึ่งมีโทษปรับสถานเดียว
ถ้าผู้ต้องหาชำระค่าปรับภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าคดีนั้นยุติ
8. ทรัพย์สินที่ไม่ปรากฏตัวเจ้าของที่ได้ยึดหรืออายัดไว้ เนื่องจากการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลยรายนั้น
ถ้าไม่มีผู้ใดมาขอรับคืนภายในห้าปีนับแต่วันที่มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีหรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง ให้ตกเป็นของกองทุน
9. เมื่อมีการฟ้องคดีต่อศาล
ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นเป็นผู้ต้องหาหรืออยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีในความผิด อื่นซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกหรืออยู่ในระหว่างรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาล ถ้าศาลเห็นว่ายังไม่สมควรลงโทษจำเลย หากจำเลยสำนึกในการกระทำโดยตกลงเข้ารับการบำบัดรักษา เมื่อศาลสอบถามพนักงานอัยการแล้ว หากศาลเห็นสมควร ให้ส่งตัวจำเลยไปสถานพยาบาลยาเสพติดเพื่อเข้ารับการบำบัดรักษาต่อไป
📖 อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- สรุปบทกฎหมายยาเสพติดใหม่ ปี 2566
- โดนคดียาเสพติด ประกันตัวได้ไหม? ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
- ยาไอซ์และโทษของการเสพ ครอบครอง จำหน่าย
ส่งท้าย
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับผู้อ่าน หากยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถเข้าไป ตั้งคำถามผ่านช่องทางที่แพลตฟอร์ม Legardy หรือรวบรวมข้อเท็จจริงเข้าปรึกษากับทนายความ ก็จะได้คำตอบที่ชัดเจนมากขึ้นครับ
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ






