ผู้รับเหมาทิ้งงาน-งานไม่เสร็จ_  ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย.png
เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-30

พกพาอาวุธไปในเมือง “เหตุสมควร” ที่ศาลพิจารณา

ปัจจุบัน ปัญหาการที่คนพกอาวุธเข้าไปในเมืองเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในสังคมของเรา โดยเฉพาะสถานที่ที่กำลังจะเกิดความขัดแย้งหรือไม่ปลอดภัย และผู้คนมักมองว่าการพกอาวุธเป็นเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แต่การพกพาอาวุธเข้าไปในเมือง ในที่สาธารณะที่คนเยอะ ๆ นอกจากอาวุธปืนในกรณีที่ได้รับใบอนุญาตในการพกปืน ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน การที่ประชาชนทั่วไปพกพาอาวุธ ปกติจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งบัญญัติว่า 

ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริงหรือการอื่นใด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น” ซึ่งมีโทษปรับและริบอาวุธ

แต่หากมีเหตุสมควร เราก็สามารถพกอาวุธเข้าไปในเมืองได้ โดยไม่เป็นความผิดตามกฎหมายอาญา


ผู้รับเหมาทิ้งงาน-งานไม่เสร็จ_  ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย (2).png

โดยบทกฎหมายการพกพาอาวุธปืนมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองอะไร

โดยบทกฎหมายมาตรานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองความสงบเรียบร้อยของสังคมและความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป ไม่ให้การพาอาวุธไปในที่สาธารณะก่อให้เกิดความหวาดกลัวหรืออันตราย โดยไม่ได้ห้ามการพกอาวุธโดยเด็ดขาด แต่ต้องเป็นการพกที่มีเหตุอันสมควรและไม่สร้างความเสี่ยงต่อผู้อื่น

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง "อาวุธปืน"


องค์ประกอบของความผิดฐานพกพาอาวุธเข้าเมือง

การที่เราจะมีความผิดฐานพกอาวุธเข้าเมือง สิ่งที่เราทำจะต้องครบองค์ประกอบของความผิดนี้

  • เราได้พกพาสิ่งที่เป็นอาวุธ ซึ่งต้องอยู่ในลักษณะพร้อมใช้งาน ยิ่งพร้อมใช้งานศาลจะยิ่งมองว่าไม่มีเหตุสมควร เพราะกฎหมายมีเจตนารมณ์ไม่ให้เราพกอาวุธ
  • เราพกไปในเมือง หมู่บ้าน หรือที่สาธารณะ ซึ่งมักรวมถึงสถานที่ที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย เช่น ห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ ตลาด
  • การพกเป็นแบบไม่มีเหตุสมควร ซึ่งการพกพาแบบเปิดเผยศาลก็มักจะตีความว่าไม่สมควรเสมอ

⭐️ ปรึกษาทนายเบื้องต้นฟรี ง่ายๆผ่านทาง Free Q&A โดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวตน


“อาวุธ” ตามประมวลกฎหมายอาญา หมายถึงอะไรบ้าง

ก่อนที่เราจะรู้ว่าอะไรบ้างที่เป็นเหตุที่เราพกอาวุธเข้าเมืองได้ เราต้องรู้ก่อนว่า อะไรบ้างที่เป็นอาวุธที่เราต้องระมัดระวังในการพก เพราะถ้าไม่ใช่อาวุธ ไม่มีเหตุสมควรเราก็พกได้แล้วก็ไม่มีความผิดด้วย หากไม่ใช่วัตถุต้องห้ามชนิดอื่น เช่น พวกยาเสพติด

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (5) บัญญัติว่า  

“อาวุธ” หมายความรวมถึงสิ่งซึ่งไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ แต่ซึ่งได้ใช้หรือเจตนาจะใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธ” 

แปลว่า อาวุธหมายถึงสิ่งที่เป็นอาวุธโดยสภาพ ถูกสร้างมาเพื่อเป็นอาวุธอยู่แล้ว เช่น ปืน หอก ดาบ หน้าไม้ ซึ่งส่วนใหญ่สามารถมีในครอบครองได้โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต นอกจากปืนที่ต้องขออนุญาต

สิ่งที่โดยสภาพไม่เป็นอาวุธ แต่ได้ใช้หรือมีความตั้งใจที่จะใช้ประทุษร้ายแก่ร่างกายถึงสร้างอันตราย ในระดับเดียวกับอาวุธ ซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ไม่ว่าจะจากการใช้งานที่ปรากฏ ประสิทธิภาพที่มี ส่วนประกอบ หรืออื่น ๆ ที่พิจารณาได้ เช่น ลูกบอลพลาสติก แต่มีดินระเบิดถูกยัดไว้ข้างใน และมีเชือกสำหรับจุด ก็พิจารณาได้ว่ามีศักยภาพแบบระเบิด ถือว่าเป็นอาวุธโดยสภาพ หรือมีดปอกผลไม้ โดยปกติจะไม่นับเป็นอาวุธ แต่หากมีข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีการเอามีดปอกผลไม้มาใช้ขู่อย่างมีดที่เป็นอาวุธ พกพาแบบแอบซ่อนไม่อยากให้มีคนรู้ ศาลก็จะพิจารณาได้ว่าเป็นอาวุธ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1542/2565

…แม้ความผิดข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลสามารถพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานต่อไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ก็ตาม แต่เมื่อมีการสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในข้อหาชิงทรัพย์ในเคหสถานโดยมีและใช้อาวุธปืนและโดยใช้ยานพาหนะแล้ว พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบได้ความเพียงว่าจำเลยใช้ปืนอัดลมขู่ผู้เสียหายไม่ให้ขัดขืนจนผู้เสียหายเกิดความกลัว แต่โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าปืนอัดลมดังกล่าวมีคุณสมบัติและระบบการทำงานซึ่งใช้ส่งเครื่องกระสุนปืนได้ อันจะเป็นอาวุธปืนตามบทนิยามคำว่า "อาวุธปืน" แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 กรณีจึงไม่อาจสันนิษฐานให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยได้ และคดีต้องฟังข้อเท็จจริงว่าปืนอัดลมดังกล่าวมิใช่อาวุธปืนตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แต่เป็นเพียงสิ่งเทียมอาวุธปืน อันถือไม่ได้ว่าเป็นอาวุธโดยสภาพตามความหมายของบทนิยามในมาตรา 1 (5) แห่ง ป.อ. การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร และชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน…

เรื่องของฎีกานี้คือ จำเลยทำการชิงทรัพย์ และถูกจับ จำเลยให้คำสารภาพว่าใช้ปืนอัดลม ซึ่งมีรูปหน้าตาเหมือนปืน เป็นอาวุธของตน แต่ในทางอาญา การจะลงโทษจำเลยในแต่ละส่วนของความผิด ศาลสามารถไม่ฟังแค่คำรับสารภาพเพื่อตัดสินให้จำเลยก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ ศาลให้โจทก์นำสืบด้วย แล้วโจทก์พิสูจน์ให้ศาลเห็นไม่ได้ ในส่วนของปืนอัดลม ว่ามีความสามารถระดับเดียวกับอาวุธ ศาลจึงตัดสินว่าในส่วนความผิดฐานพกอาวุธไปในที่สาธารณะ จำเลยไม่มีความผิด เพราะปืนอัดลมเป็นเพียงสิ่งเทียมอาวุธปืน ไม่ใช่ปืนจริง ๆ

จากฎีกานี้ จะเห็นว่า แม้หน้าตาจะเหมือนอาวุธ แต่ถ้าไม่มีความสามารถใกล้เคียงกับอาวุธ หรือข้อเท็จจริงที่จะใช้งานอย่างอาวุธ ก็จะไม่ถือว่าเป็นอาวุธ ในทางกลับกัน ต่อให้หน้าตาไม่ใช่อาวุธ แต่สามารถใช้งานอย่างอาวุธได้ ก็อาจถือว่าเป็นอาวุธ

ดังนั้น ของบางอย่าง เช่น ปืนของเล่น ถ้าเราไม่ทำให้มันมีความสามารถแบบอาวุธจริง ๆ เราก็พกได้โดยไม่ต้องสนใจว่ามีเหตุสมควรไหม เพราะมันไม่ใช่อาวุธ

🔎หาคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ผ่านทางระบบ ค้นหาฎีกา ของ Legardy

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1903/2520

พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4(1) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ 3 พ.ศ.2501 มาตรา 3 บัญญัติว่า 

อาวุธปืนหมายความรวมตลอดถึงอาวุธทุกชนิดซึ่งใช้ส่งเครื่องกระสุนปืนโดยวิธีระเบิดหรือกำลังดันของแก๊สหรืออัดลม หรือเครื่องกลไกอย่างใดซึ่งต้องอาศัยอำนาจของพลังงานและส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืนนั้นๆ ซึ่งรัฐมนตรีเห็นว่าสำคัญและได้ระบุไว้ในกฎกระทรวง

มิได้บัญญัติว่าอาวุธปืนจะต้องใช้ยิงได้จึงจะเป็นอาวุธปืนและแม้ส่วนหนึ่งส่วนใดที่รัฐมนตรีเห็นว่าสำคัญและได้ระบุไว้ในกฎกระทรวงก็ถือว่าเป็นอาวุธปืนด้วย ดังนั้น การที่จำเลยมีปืนพกสั้นออโตเมติก ชนิดประกอบขึ้นเองขนาด .22 ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แม้ปืนดังกล่าวไม่อาจใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิตและวัตถุได้จำเลยก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7 และปืนดังกล่าวเป็นอาวุธโดยสภาพ เมื่อจำเลยพาไปในเมืองและทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ด้วย (วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2520)

เรื่องของฎีกานี้คือ จำเลยได้พกปืนที่ไม่สามารถยิงได้เข้าไปในเมือง ศาลตัดสินว่าผิด เพราะอาวุธปืน แม้จะพังแต่ก็ยังเป็นอาวุธปืนอยู่ดี

ดังนั้น การที่เราจะพกอาวุธที่พังอยู่ไปซ่อม เราก็ต้องระมัดระวังในการพกพา ไม่สามารถพกพาแบบเปิดเผยได้ เพราะแม้พังอยู่ แต่ถ้าเป็นอาวุธโดยตัวมันเองอยู่แล้ว ศาลจะตัดสินว่าเราพกอาวุธ และจะมาพิจารณาถึงวิธีในการพกของเราว่าอยู่ในการพกแบบที่สมควรไหม


ผู้รับเหมาทิ้งงาน-งานไม่เสร็จ_  ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย (3).png

“เหตุสมควร” ที่ทำให้เราพกอาวุธ คืออะไร แล้วมีหลักเกณฑ์ในการพกยังไงบ้าง

เหตุสมควรที่เราพกอาวุธได้ ไม่มีความหมายตายตัวที่ชัดเจน มักตีความเอาจากข้อเท็จจริงของพฤติการณ์ในคดี โดยทั่วไป มักหมายถึงเหตุผลที่เหมาะสมในการที่เราจะพกอาวุธ โดยไม่ต้องเป็นถึงเหตุจำเป็น ซึ่งศาลจะพิจารณาตามข้อเท็จจริงของแต่ละคดีไป ซึ่งศาลมักมองว่า การพกพาอาวุธแบบเปิดเผยเป็นเหตุไม่สมควร ดังนั้น 

การพกพาแบบมีเหตุสมควร ต้องไม่เป็นการพกแบบเปิดเผย

และในส่วนของอาวุธปืน จะต้องเป็นการพกแบบที่ไม่สามารถพร้อมใช้ได้ในทันทีด้วย เช่น การที่ปืนไม่ประกอบกระสุน กระสุนอยู่ไกลจากปืน เช่น ปืนอยู่หน้ารถ แต่กระสุนอยู่ท้ายรถ

ตัวอย่างเหตุสมควรพกอาวุธ

  • เจ้าหน้าที่/ทหาร ตำรวจ พกพาระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต
  • การขนย้ายอาวุธเพื่อซ่อม ขาย หรือนำไปเก็บ โดยอาวุธถูกเก็บในลักษณะที่ปลอดภัย (เช่น มีการปิดแน่นหนา หรือล็อก ไม่เปิดเผย) และมีเส้นทาง/จุดหมายชัดเจน ไม่มีการเอาอาวุธออกมาแสดงระหว่างนำไป
  • พกไปสนามซ้อมใช้ แต่พกแบบเก็บอย่างปลอดภัย ไม่ได้ถือแสดงแบบเปิดเผย เช่น พกปืนไปสนามยิงปืน หรือพกดาบไปสนามซ้อมดาบ เราต้องพกแบบไม่เปิดเผย เก็บอย่างปลอดภัยและอย่าทำให้เอาออกมาใช้ได้ง่ายเกินไป
  • พิสูจน์ได้ว่ากรณีฉุกเฉินจริงที่ต้องพาอาวุธเพื่อป้องกันตัว และไม่มีทางเลือกอื่นที่สมเหตุสมผล ซึ่งศาลจะพิจารณาตามความจำเป็นและความเร่งด่วนของสถานการณ์ของเรา เพราะแม้ว่าเหตุสมควรไม่ต้องเป็นเหตุจำเป็นก็ได้ แต่เหตุสมควรจะเป็นเหตุจำเป็นด้วยก็ได้

ตัวอย่างเหตุที่ไม่สมควรพกอาวุธ

  • พกอาวุธไปในที่ชุมชนหรืองานรื่นเริงโดยเปิดเผย ไม่มีเหตุจำเป็นชัดเจน เช่น ถือดาบเดินในงานวัด ห้อยปืนไว้ขณะเต้นในงานรื่นเริง
  • พกอาวุธและใช้ข่มขู่หรือกดดันด้านความพร้อมทางกำลัง โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย เช่น ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ห้อยปืนแบบตำรวจ
  • มีใบครอบครองอาวุธปืน แต่การเปิดให้เห็นแบบไม่มีเหตุสมควร เช่น หยิบปืนขึ้นมาโชว์

⭐️ ปรึกษาทนายเบื้องต้นฟรี ง่ายๆผ่านทาง Free Q&A โดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวตน


สรุป

การที่เราพกอาวุธเข้าไปในเมือง กฎหมายไม่ได้ห้ามรุนแรง แต่เราต้องมีเหตุสมควรที่จะพก ซึ่งศาลจะพิจารณาจากการพกพาของเรา ว่ามีความอุกอาจแค่ไหน จำเป็นต้องลงโทษไหม เพราะโทษของความผิดฐานนี้ไม่รุนแรง มีลักษณะเป็นโทษเสริมความผิดอื่น หรือโทษที่เอาไว้เพียงตักเตือน

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
sanook ข่าวสด มติชน spring
cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “