การเรียกคืนของหมั้น สินสอด หลังยกเลิกงานแต่ง.png
เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-19

การเรียกคืนของหมั้น สินสอด หลังยกเลิกงานแต่ง

การเรียกคืนของหมั้น สินสอด หลังยกเลิกงานแต่ง.png

ในสังคมไทย ก่อนคู่รักจะสมรสกัน มักมี “การหมั้น” ซึ่งเป็นข้อตกลงว่าจะสมรสกันในอนาคต แต่ไม่อาจฟ้องบังคับให้อีกฝ่ายต้องแต่งงานได้ โดยการหมั้นจะสมบูรณ์เมื่อฝ่ายผู้หมั้นได้ส่งมอบหรือโอน “ของหมั้น” ให้แก่ผู้รับหมั้น เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกัน (ปัจจุบันใช้ถ้อยคำแบบไม่จำกัดเพศแล้ว)

อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงมีไม่น้อยที่ต่อมาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง (หรือทั้งสองฝ่าย) ไม่ประสงค์จะสมรสกันเหมือนตอนหมั้น จึงเกิดคำถามว่า “ของหมั้น” หรือ “สินสอด” จะเรียกคืนได้หรือไม่ ซึ่งกฎหมายไม่ได้เปิดให้เรียกคืนได้ทุกกรณี แต่เรียกคืนได้เฉพาะบางกรณีตามเงื่อนไขของกฎหมายเท่านั้น

ของหมั้น และสินสอด คืออะไร?

การเรียกคืนของหมั้น สินสอด หลังยกเลิกงานแต่ง (2).png

ของหมั้น 

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1437 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การหมั้นจะสมบูรณ์เมื่อฝ่ายผู้หมั้นได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินอันเป็นของหมั้นให้แก่ผู้รับหมั้นเพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับผู้รับหมั้นนั้น”

กล่าวคือ “ของหมั้น” เป็นทรัพย์สินที่ฝ่ายผู้หมั้นส่งมอบหรือโอนให้แก่ผู้รับหมั้น 

  • เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับผู้รับหมั้น ซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินที่มีหรือไม่มีรูปร่างก็ได้
  • ของหมั้นจะต้องเป็นทรัพย์สินที่ให้แก่ “ตัวผู้รับหมั้น” ในขณะหมั้นเท่านั้น จึงจะมีฐานะเป็นของหมั้น หากให้ไว้ภายหลังจะไม่ถือว่าเป็นของหมั้น
  • โดยการให้นั้นต้องโอนกรรมสิทธิให้ ดังนั้นทรัพย์สินที่ต้องมีการจดทะเบียนการให้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ จะต้องไปจดทะเบียนโอนให้เรียบร้อย จึงจะถือว่าได้ให้แล้ว

โดยของหมั้นจะตกเป็นสิทธิแก่ผู้รับหมั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1437 วรรคสอง

อ่านเพิ่มเติม: การหมั้นที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นอย่างไร

สินสอด      

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1437 วรรคสาม บัญญัติว่า “สินสอด เป็นทรัพย์สินซึ่งฝ่ายผู้หมั้นให้แก่บิดามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรมหรือผู้ปกครองฝ่ายผู้รับหมั้น แล้วแต่กรณี เพื่อตอบแทนการที่ผู้รับหมั้นยอมสมรส…”

กล่าวคือ “สินสอด” คือทรัพย์สินที่ฝ่ายผู้หมั้นมอบให้แก่บิดามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือผู้ปกครองฝ่ายผู้รับหมั้น (แล้วแต่กรณี) ไม่ใช่ให้แก่ตัวผู้รับหมั้น 

  • เพื่อตอบแทนการที่ผู้รับหมั้นยอมสมรสกับผู้หมั้น โดยกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องมีมูลค่าเท่าใด ขอเพียงเป็นที่พอใจของฝ่ายผู้รับหมั้นก็เพียงพอ เช่น อาจเป็นเงินสดจำนวนหนึ่ง ทองคำ บิตคอยน์ หรือเป็นเหรียญเกียรติยศของผู้หมั้น ซึ่งอาจไม่มีมูลค่าในการขายก็ได้
  • โดยสินสอด ไม่จำเป็นต้องให้ในขณะหมั้น หากให้ภายหลังและตกลงกันว่าเป็นสินสอด ทรัพย์สินนั้นก็ยังเป็นสินสอดได้
  • การให้สินสอดต้องโอนกรรมสิทธิ์ด้วย หากเป็นอสังหาริมทรัพย์ หรือทรัพย์สินใด ๆ ที่ต้องจดทะเบียนจึงจะโอนสำเร็จ ก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนก่อน จึงจะถือว่ามอบแล้ว

⭐️ ปรึกษาทนายเบื้องต้นฟรี ง่ายๆผ่านทาง Free Q&A โดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวตน


เรียกคืนสินสอดกับของหมั้น ได้กรณีไหนบ้าง

การเรียกคืนของหมั้น สินสอด หลังยกเลิกงานแต่ง (3).png

จากที่กล่าวไว้ข้างต้น ผู้หมั้นไม่ได้สามารถเรียกคืน ของหมั้นหรือสินสอด ได้ทุกกรณี แต่เรียกคืนได้เพียงบางกรณีเท่านั้น 

การเรียกคืน "ของหมั้น"

โดยในส่วนของการเรียก “ของหมั้น” คืน จะต้องพิจารณาจาก “เหตุที่ไม่ได้ทำการสมรส” เป็นสำคัญ

1. กรณีมีฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตก่อนสมรส 

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1441 บัญญัติว่า
“ถ้าคู่หมั้นฝ่ายหนึ่งตายก่อนสมรส อีกฝ่ายหนึ่งจะเรียกร้องค่าทดแทนมิได้ ส่วนของหมั้นหรือสินสอดนั้นไม่ว่าผู้หมั้นหรือผู้รับหมั้นตาย ผู้รับหมั้นหรือฝ่ายผู้รับหมั้นไม่ต้องคืนให้แก่ฝ่ายผู้หมั้น”

กล่าวคือ หากคู่หมั้นฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตก่อนสมรส คู่หมั้นอีกฝ่าย ไม่อาจเรียกร้องค่าทดแทน จากฝ่ายที่เสียชีวิตได้ และในกรณีนี้ ผู้รับหมั้น ไม่จำเป็นต้องคืนของหมั้น ให้แก่ฝ่ายผู้หมั้น รวมถึงฝ่ายผู้รับหมั้นก็ ไม่จำเป็นต้องคืนสินสอด เช่นกัน

2. กรณีที่มีเหตุการณ์เกิดกับผู้รับหมั้น จนเป็นเหตุให้ผู้หมั้นไม่ควรสมรสกับผู้รับหมั้น 

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1442 บัญญัติว่า “ในกรณีมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่ผู้รับหมั้นทำให้ผู้หมั้นไม่สมควรสมรสกับผู้รับหมั้นนั้น ผู้หมั้นมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นได้และให้ผู้รับหมั้นคืนของหมั้นแก่ผู้หมั้น”

กล่าวคือ หากมี “เหตุสำคัญ” เกิดขึ้นจนทำให้ผู้หมั้นไม่สมควรสมรสกับผู้รับหมั้น ผู้หมั้นมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นได้ และผู้รับหมั้นต้องคืนของหมั้นให้ผู้หมั้นด้วย

โดยคำว่า “เหตุสำคัญที่ทำให้ไม่ควรสมรส” เมื่อตีความจากแนวคำพิพากษาศาลฎีกา โดยทั่วไปหมายถึง การประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือเกิดความบกพร่องทางร่างกายหรือจิตใจ จนทำให้ไม่ควรสมรสด้วย ตัวอย่างเช่น

  • ทำร้ายร่างกายคู่หมั้นของตน
  • มีอาการติดยาเสพติด
  • วิกลจริต
  • ได้รับอันตรายสาหัสจนพิการ
  • เป็นโรคติดต่อร้ายแรง
  • นอกใจคู่หมั้นของตน

จะเห็นได้ว่า บางเหตุไม่จำเป็นต้องเป็นความผิดของผู้รับหมั้น ผู้หมั้นก็สามารถบอกเลิกสัญญาหมั้นและเรียกของหมั้นคืนได้ หากเข้าเงื่อนไข “เหตุสำคัญ” ตามกฎหมายข้างต้น

📖 อ่านบทความกฎหมายที่เกี่ยวข้อง:

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3731/2533

ศาลวินิจฉัยว่า โจทก์ได้อุปการะเลี้ยงดูและยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาอยู่ จึงเป็นเหตุสำคัญที่เกิดแก่โจทก์ ทำให้จำเลยซึ่งเป็นคู่หมั้น “ไม่สมควรสมรส” กับโจทก์ จำเลยมิใช่ฝ่ายผิดสัญญาหมั้น จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นได้ และไม่ต้องคืนของหมั้นให้แก่โจทก์

จากฎีกานี้ หากเทียบกับบริบทปัจจุบัน (เมื่อบทกฎหมายมีการแก้กฎหมายแล้ว ได้ปรับถ้อยคำให้เป็นกลางทางเพศมากขึ้น) ข้อเท็จจริงสามารถสลับฝั่งกันได้ เช่น ฝ่ายหญิงเป็นผู้หมั้น ฝ่ายชายเป็นผู้รับหมั้น แต่ฝ่ายชายเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยา แบบนี้ฝ่ายหญิงก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นตามเหตุสำคัญ และเรียกคืนของหมั้นได้ตามหลักกฎหมายเดียวกัน

3. กรณีมีเหตุสำคัญเกิดแก่ “ผู้หมั้น” จนทำให้ “ผู้รับหมั้น” ไม่สมควรสมรส

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1443 บัญญัติว่า ในกรณีมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่ผู้หมั้นทำให้ผู้รับหมั้นไม่สมควรสมรสกับผู้หมั้นนั้น ผู้รับหมั้นมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นได้โดยมิต้องคืนของหมั้นแก่ผู้หมั้น

กล่าวคือ หากมีเหตุสำคัญเกิดแก่ผู้หมั้นจนทำให้ผู้รับหมั้นไม่สมควรสมรสกับผู้หมั้น ผู้รับหมั้นมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นได้ โดยมิต้องคืนของหมั้น แก่ผู้หมั้น

4. กรณีมีการผิดสัญญาหมั้น 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439 บัญญัติว่า “เมื่อมีการหมั้นแล้ว ถ้าฝ่ายใดผิดสัญญาหมั้นอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเรียกให้รับผิดใช้ค่าทดแทน ในกรณีที่ฝ่ายผู้รับหมั้นเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้นให้คืนของหมั้นแก่ฝ่ายผู้หมั้นด้วย

กล่าวคือ ถ้าเป็นเรื่องผิดสัญญาหมั้น ฝ่ายที่ไม่ได้ผิดสัญญาหมั้นมีสิทธิเรียกให้ใช้ค่าทดแทน รวมถึงถ้าฝ่ายที่ผิดสัญญาหมั้นคือฝ่ายผู้รับหมั้น ฝ่ายผู้รับหมั้นต้องคืนของหมั้นให้ฝ่ายผู้หมั้นด้วย

การเรียกคืน "สินสอด"

ในส่วนของ “สินสอด” ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1437 วรรคสาม วางหลักไว้ว่า หาก ไม่มีการสมรส โดยมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่ผู้รับหมั้น หรือมีพฤติการณ์ซึ่งฝ่ายผู้รับหมั้นต้องรับผิดชอบ จนทำให้ผู้หมั้น ไม่สมควรหรือไม่อาจสมรสกับผู้รับหมั้นนั้นได้ “ฝ่ายผู้หมั้นเรียกสินสอดคืนได้

กล่าวโดยสรุปคือ ถ้าเหตุที่ไม่ได้สมรสเกิดจาก “เหตุสำคัญ” ที่เกิดกับผู้รับหมั้นตามตัวอย่างที่ยกไว้ก่อนหน้า หรือเป็น "เหตุที่ฝ่ายผู้รับหมั้นต้องรับผิดชอบจนทำให้การสมรสไม่ควรเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นไม่ได้" ฝ่ายผู้หมั้นย่อมมีสิทธิเรียกสินสอดคืนจากฝ่ายผู้รับหมั้น ได้ตามกฎหมาย

📖 อ่านเพิ่มเติม: ฝ่ายชายเทไม่แต่งงาน ฝ่ายหญิงฟ้องเรียกค่าจัดงานพรีเวดดิ้งได้ไหม


ถ้า “เรียกคืนได้” จะเรียกคืนได้แค่ไหน?

การเรียกคืนของหมั้น สินสอด หลังยกเลิกงานแต่ง (4).png

แม้จะเข้าเงื่อนไขให้เรียกคืน “ของหมั้นหรือสินสอด” ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องคืนกันแบบย้อนกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนเลิกสัญญาทั่วไป 

เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1437 วรรคสี่ บัญญัติให้การคืนของหมั้นหรือสินสอด “ให้นำหลักลาภมิควรได้” (มาตรา 412 ถึงมาตรา 418) มาใช้บังคับโดยอนุโลม

หมายความว่า การคืนสินสอดของหมั้นไม่ได้คืนให้กลับมาอยู่ในฐานะเดิมก่อนมีการให้แบบเลิกสัญญาปกติ แต่ให้คืนตามหลัก “ลาภมิควรได้” ซึ่งพิจารณาได้ตามรูปแบบของทรัพย์สินดังนี้

1. เงิน

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412 บัญญัติว่า “ถ้าทรัพย์สินซึ่งได้รับไว้เป็นลาภมิควรได้นั้นเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ท่านว่าต้องคืนเต็มจำนวนนั้น เว้นแต่เมื่อบุคคลได้รับไว้โดยสุจริต จึงต้องคืนลาภมิควรได้เพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน”

หมายความว่า ถ้าผู้รับหมั้นไม่ได้มีเจตนาจะไม่แต่งงานตั้งแต่แรก การคืนสินสอดของหมั้นที่เป็นเงิน ให้คืนเท่าที่เหลืออยู่ตอนที่เรียกคืน เช่น ได้มา 1 ล้านบาท ตอนคืนพิสูจน์ได้ว่าเงินก้อนนั้นเหลือ 5 แสน ก็คืนแค่ที่เหลือ

2. ทรัพย์สินอื่น ที่ไม่ใช่เงิน

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 413 บัญญัติว่า “เมื่อทรัพย์สินอันจะต้องคืนนั้นเป็นอย่างอื่นนอกจากจำนวนเงิน และบุคคลได้รับไว้โดยสุจริต ท่านว่าบุคคลเช่นนั้นจำต้องคืนทรัพย์สินเพียงตามสภาพที่เป็นอยู่ และมิต้องรับผิดชอบในการที่ทรัพย์นั้นสูญหายหรือบุบสลาย แต่ถ้าได้อะไรมาเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อการสูญหายหรือบุบสลายเช่นนั้นก็ต้องให้ไปด้วย”

หมายความว่า ถ้าไม่ใช่เงิน เช่น ทองคำ หรือเหรียญเกียรติยศ หากฝ่ายผู้รับหมั้นสุจริต (คือไม่ได้ตั้งใจจะไม่แต่งงานตั้งแต่แรก) ก็ให้คืนตามสภาพที่เป็นอยู่ในขณะที่ถูกเรียกคืน ไม่ต้องรับผิดชอบถึงการบุบสลายหรือความสูญหาย 

แต่ถ้าได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการที่ทรัพย์สูญหายหรือบุบสลายมา ก็ต้องคืนค่าสินไหมทดแทนนั้นไปด้วย เช่น ถ้าเหรียญเกียรติยศหาย ก็ไม่ต้องคืนเหรียญ แต่ถ้าได้ค่าทดแทนมา ก็ต้องคืนค่าทดแทนไป

3. ดอกผลของทรัพย์สินที่เป็นของหมั้นหรือสินสอด 

เช่น ดอกเบี้ยเงินสด ค่าเช่าที่ดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 415 บัญญัติว่า “บุคคลผู้ได้รับทรัพย์สินไว้โดยสุจริตย่อมจะได้ดอกผลอันเกิดแต่ทรัพย์สินนั้นตลอดเวลาที่ยังคงสุจริตอยู่”

หมายความว่า ถ้าตอนรับไม่ได้ตั้งใจว่าจะไม่แต่งงาน ดอกผลของทรัพย์สินย่อมตกเป็นของผู้รับหมั้นหรือฝ่ายผู้รับหมั้น ตลอดเวลาจนถึงขณะต้องมีเหตุให้คืนทรัพย์สินนั้น เช่น จนถึงขณะมีเหตุให้บอกเลิกสัญญาหมั้น หรือจนมีเหตุที่ทำให้ไม่สมควรจะสมรส หากไม่ได้ก่อเหตุเอง เช่น เกิดอุบัติเหตุพิการ

ส่งท้าย

ในท้ายที่สุด แม้จะมีสัญญาหมั้น เราก็ไม่อาจบังคับให้คู่หมั้นต้องรักหรือยอมสมรสกับเราได้ เมื่อความรู้สึกเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ก็อาจยุติลงได้เสมอ 

แต่ “ทรัพย์สิน” ที่เกี่ยวกับการหมั้นและสินสอดเป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพราะกฎหมายแยกเรื่องความสมัครใจในการสมรสออกจากเรื่องความรับผิดทางทรัพย์สิน

หากอีกฝ่ายเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น และเราเป็นฝ่ายที่ส่งมอบของหมั้นหรือสินสอดไป เราก็มีสิทธิเรียกคืนได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ในทางกลับกัน หากเราเป็นฝ่ายที่ได้รับของหมั้นหรือสินสอดมา และเราไม่ใช่ฝ่ายผิดหรือเข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย ก็อาจไม่จำเป็นต้องคืนเช่นกัน โดยสุดท้ายต้องดู “เหตุที่ทำให้ไม่ได้สมรส” และสถานะความสุจริต ความรับผิดของแต่ละฝ่ายเป็นสำคัญ

📢 หากคุณ ต้องการปรึกษาทนายเรียกคืนสินสอด/ของหมั้น หรือ ปัญหากฎหมายอื่นๆ ติดต่อทนาย กว่า 700 คนทั่วประเทศผ่านเว็บไซต์ได้เลย 

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
sanook ข่าวสด มติชน spring
cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “