คำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2523
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2523
พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 ม. 24 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 17 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2501 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 113, 797
การเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์นั้นผู้เป็นเจ้าของจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด และต้องขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานการพิมพ์ตามกฎหมาย หากฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการพิมพ์อาจต้องรับโทษทางอาญา จึงเป็นกิจการที่ต้องทำเองเฉพาะตัว จะตั้งตัวแทนให้เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์แทนตัวการหาได้ไม่ สัญญาที่โจทก์ตั้งให้จำเลยเป็นตัวแทนถือใบอนุญาตเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์แทนตัวการจึงเป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย และเป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนย่อมเป็นโมฆะกรรม ศาลจึงไม่อาจบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาตามคำขอของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2363/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 148
คดีก่อน โจทก์ฟ้องอ้างเหตุว่าจำเลยไม่ทำบัญชีทรัพย์เกี่ยวกับการจัดการมรดกให้ทายาทและศาลทราบ ซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้ละเลยหน้าที่ของผู้จัดการมรดกและได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกยื่นต่อศาลแล้วฉะนั้นการที่โจทก์อ้างในคดีนี้อีกว่าจำเลยมิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน เวลาที่กฎหมายกำหนด เป็นการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ผู้จัดการมรดก จึงเป็น การรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้ วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2361/2523
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 352
โจทก์เป็นผู้ถือสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ของการเคหะแห่งชาติ และตกลงให้จำเลยจัดหาคนมารับโอนสิทธิการเช่าในราคา 150,000 บาท ถ้าจำเลยจัดหาคนรับสิทธิการเช่าได้ราคาเกินกว่านั้น เงินส่วนที่เกินเป็นของจำเลย เมื่อจำเลยจัดหาผู้รับโอนสิทธิการเช่าได้ในราคา195,000 บาท แต่จำเลยส่งมอบเงินให้โจทก์เพียง 80,000บาทส่วนที่เหลือ 70,000 บาท จำเลยเอาไว้เป็นของตนเสีย การที่จำเลยโอนสิทธิการเช่าและรับเงินจากผู้รับโอนไว้ จึงเป็นการรับเงินจากบุคคลที่สาม ซึ่งจำเลยมีความผูกพันตามสัญญาที่จะต้องชดใช้เงินแก่โจทก์ 150,000 บาทเท่านั้นมิใช่จำเลยได้รับมอบหมายหรือครอบครองเงินดังกล่าวไว้แทนโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 245 (1), 247
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้าง กรณีจึงเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจจะแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกา คงฎีกาขึ้นมาแต่เฉพาะจำเลยที่ 2 แต่เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 1 มิได้ขับรถโดยประมาท พิพากษายกฟ้องโจทก์ ก็ย่อมให้จำเลยที่ 1 ได้รับผลจากคำพิพากษานี้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบด้วยมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2360/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 22
หนังสือพิมพ์ของโจทก์พิมพ์ที่กรุงเทพมหานครและออกจำหน่ายทั่วราชอาณาจักรรวมทั้งที่จังหวัดราชบุรีด้วย ถ้าหนังสือพิมพ์โจทก์พิมพ์ข้อความที่เป็นหมิ่นประมาทจำเลย ก็ต้องถือว่าสถานที่ที่หนังสือพิมพ์ ของโจทก์ออกจำหน่ายทุกแห่งเป็นที่เกิดเหตุซึ่งความผิดเกิดขึ้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2351 - 2352/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 172 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1299, 1382
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทโดยบรรยายฟ้องว่า โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยไม่ได้ระบุว่าได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปเมื่อใดนั้น หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ เพราะข้อที่ว่าบอกกล่าวเมื่อใด เป็นรายละเอียด ไม่จำต้องกล่าวในฟ้อง
เมื่อจำเลยยังมิได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะนำมาใช้ยันกับโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิในที่พิพาทโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงเรื่องการครอบครองปรปักษ์ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2355/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 23
การที่จำเลยอ้างว่าค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์เป็นเงินเกือบ10,000 บาท จำเลยยังหาได้ไม่ครบนั้น ยังถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษ ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23ในอันที่จะให้ศาลมีอำนาจสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมให้ได้ตามคำร้องของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 172
โจทก์บรรยายความเสียหายที่ได้รับระบุแยกไว้เป็นแต่ละรายการโดยชัดแจ้ง แม้ในคำฟ้องโจทก์เรียกค่าเสียหายเป็นค่าทำขวัญที่โจทก์ที่ 2 ได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองและฟันหักหลายซี่ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาพยาบาลโจทก์ที่ 3 เป็นเงินรวมกันมามิได้แยกว่าโจทก์แต่ละคนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเงินคนละเท่าใดแต่โจทก์ก็ได้กล่าวถึงความเสียหายที่โจทก์แต่ละคนได้รับไว้เพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจและจำเลยก็สามารถให้การต่อสู้คดีในข้อนี้ได้โดยถูกต้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2346/2523
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1308
ผู้ซึ่งมีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่ดินแปลงใด ย่อมมีสิทธิครอบครองที่งอกริมตลิ่งของที่ดินแปลงนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1308
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2344/2523
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 118
โจทก์ตกลงกู้เงินจากจำเลยโดยเอาที่พิพาทจำนองค้ำประกันแต่ทำสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพราง และเมื่อปรากฏว่าจำเลยขายที่พิพาทให้แก่บุคคลอื่นไปแล้ว จำเลยก็ต้องคืนเงินดังกล่าวให้โจทก์โดยหักเงินที่โจทก์กู้ออกจากเงินดังกล่าว